Tuesday

ข้อ 1. ชิงโข่วแล้ว หากเจ็บป่วย หมอแนะนำให้ทานเนื้อสัตว์ จะทำอย่างไร

ท่านผู้เฒ่าเซียนเมตตา
เมื่อฟังคำพูดของคุณหมอแล้วเลิกทานเจ โปรดยกมือ ...
แม้ต้องตายก็ยอมก็ยังทานเจต่อ โปรดยกมือ ...
มีปัญญามาก

หลานน้อยเอ๋ย ...
ขอถามว่าคุณหมอยังเป็นคนหรือเปล่า ? ...
เมื่อคุณหมอยังเป็นคนอยู่
ก็ย่อมมีการยึดติดในความคิดในอคติของตน
เพราะฉะนั้น
คำพูดของคุณหมอก็ยังไม่แน่ว่าจะถูกต้องเสมอไป
มีเหตุผลพวกเจ้าก็รับฟัง ไม่มีเหตุผลก็ไม่ต้องเชื่อ
ญาติมิตรก็สามารถทดสอบพวกเจ้าได้
พวกเขาคือบุคคลที่เบื้องบนส่งมาทดสอบพวกเจ้า
ทดสอบดูว่า
คำพูดสองสามคำก็สามารถเปลี่ยนใจพวกเจ้าได้ไหม...
ทำไมนับวันพวกเจ้ายิ่งกินเจยิ่งดูซีดเซียว
บ่นว่าร่างกายไม่แข็งแรง เพราะเหตุใด
เจ้าจะต้องสำรวจตรวจสอบกันหน่อย
  1. สารอาหารไม่เพียงพอ
  2. การดูแลสุขภาพไม่เพียงพอ
  3. บำเพ็ญญาณไม่เพียงพอ

แล้วจะหล่อเลี้ยงอย่างไร
เซียนองค์เห็นพวกเจ้า อาหารที่ชอบกินก็กินเอากินเอา
ที่ไม่ชอบกินก็ไม่กินสักคำ
ที่คุณหมอบอกกินไม่ได้ยิ่งชอบกิน
อย่างนี้เรียกว่าอะไร
อู๋หมิง แปลว่า "อวิชชา"
กินก่อนค่อยพูดทีหลัง
กินแล้วหากเจ็บขึ้นมาค่อยกินยา ค่อยฉีดยา
อย่างนี้เรียกว่าอะไร (อู๋หมิง)
พวกเรากินเจกันแล้ว
เราจะต้องดูแลสุขภาพของเรา ต้องออกกำลังกาย
การกระทำต้องมีความสมดุลจึงมีธรรมะ
บางครั้งยังต้องทานขิง
ต้องกินยาจีนบำรุง ๆ หน่อยเพื่อปรับธาตุในร่างกาย
ทานพริกเพียงเล็กน้อยก็พอ
บางครั้งทานผักมาก ๆ ร่างกายก็เย็นเกินไป
ขอถามว่าใจกับกายเกี่ยวข้องกันไหม
คนที่รักษาจิตสำนึกคุณ ใจเบิกบานอยู่เสมอจะไม่เจ็บป่วยง่าย
หรือหากเจ็บป่วยก็จะหายไว
เพราะพลังของใจนั้นยิ่งใหญ่
ดังนั้น ต้องบำเพ็ญ ต้องผันความคิด

ทั้งสารอาหารและการบำเพ็ญหล่อเลี้ยงจิตจะต้องเพียงพอ
กินเจจึงจะไม่ซีด ไม่ผอมแห้งเป็นโรค
ให้คนอื่นตำหนิติฉินเราได้
อีกทั้งต้องย้อนมองสำรวจตัวเอง
ขอถามว่า ในเมื่อยังเป็นคนอยู่มีโอกาสเจ็บป่วยไหม ... (มี)
ฉะนั้น จะโทษแต่กินเจทั้งหมดไม่ได้นะ
คิดอยากจะกินเนี้อก็บอกกันตรง ๆ เถอะน่า...
โทษแต่กินเจ กินเจ...
อย่างนี้เรียกว่าอะไร
เรียกว่า "ปุถุชน"

No comments:

Post a Comment