เมื่อฟังคำพูดของคุณหมอแล้วเลิกทานเจ โปรดยกมือ ...
แม้ต้องตายก็ยอมก็ยังทานเจต่อ โปรดยกมือ ...
มีปัญญามาก
หลานน้อยเอ๋ย ...
ขอถามว่าคุณหมอยังเป็นคนหรือเปล่า ? ...
เมื่อคุณหมอยังเป็นคนอยู่
ก็ย่อมมีการยึดติดในความคิดในอคติของตน
เพราะฉะนั้น
คำพูดของคุณหมอก็ยังไม่แน่ว่าจะถูกต้องเสมอไป
มีเหตุผลพวกเจ้าก็รับฟัง ไม่มีเหตุผลก็ไม่ต้องเชื่อ
ญาติมิตรก็สามารถทดสอบพวกเจ้าได้
พวกเขาคือบุคคลที่เบื้องบนส่งมาทดสอบพวกเจ้า
ทดสอบดูว่า
คำพูดสองสามคำก็สามารถเปลี่ยนใจพวกเจ้าได้ไหม...
ทำไมนับวันพวกเจ้ายิ่งกินเจยิ่งดูซีดเซียว
บ่นว่าร่างกายไม่แข็งแรง เพราะเหตุใด
เจ้าจะต้องสำรวจตรวจสอบกันหน่อย
- สารอาหารไม่เพียงพอ
- การดูแลสุขภาพไม่เพียงพอ
- บำเพ็ญญาณไม่เพียงพอ
แล้วจะหล่อเลี้ยงอย่างไร
เซียนองค์เห็นพวกเจ้า อาหารที่ชอบกินก็กินเอากินเอา
ที่ไม่ชอบกินก็ไม่กินสักคำ
ที่คุณหมอบอกกินไม่ได้ยิ่งชอบกิน
อย่างนี้เรียกว่าอะไร
อู๋หมิง แปลว่า "อวิชชา"
กินก่อนค่อยพูดทีหลัง
กินแล้วหากเจ็บขึ้นมาค่อยกินยา ค่อยฉีดยา
อย่างนี้เรียกว่าอะไร (อู๋หมิง)
พวกเรากินเจกันแล้ว
เราจะต้องดูแลสุขภาพของเรา ต้องออกกำลังกาย
การกระทำต้องมีความสมดุลจึงมีธรรมะ
บางครั้งยังต้องทานขิง
ต้องกินยาจีนบำรุง ๆ หน่อยเพื่อปรับธาตุในร่างกาย
ทานพริกเพียงเล็กน้อยก็พอ
บางครั้งทานผักมาก ๆ ร่างกายก็เย็นเกินไป
ขอถามว่าใจกับกายเกี่ยวข้องกันไหม
คนที่รักษาจิตสำนึกคุณ ใจเบิกบานอยู่เสมอจะไม่เจ็บป่วยง่าย
หรือหากเจ็บป่วยก็จะหายไว
เพราะพลังของใจนั้นยิ่งใหญ่
ดังนั้น ต้องบำเพ็ญ ต้องผันความคิด
ทั้งสารอาหารและการบำเพ็ญหล่อเลี้ยงจิตจะต้องเพียงพอ
กินเจจึงจะไม่ซีด ไม่ผอมแห้งเป็นโรค
ให้คนอื่นตำหนิติฉินเราได้
อีกทั้งต้องย้อนมองสำรวจตัวเอง
ขอถามว่า ในเมื่อยังเป็นคนอยู่มีโอกาสเจ็บป่วยไหม ... (มี)
ฉะนั้น จะโทษแต่กินเจทั้งหมดไม่ได้นะ
คิดอยากจะกินเนี้อก็บอกกันตรง ๆ เถอะน่า...
โทษแต่กินเจ กินเจ...
อย่างนี้เรียกว่าอะไร
เรียกว่า "ปุถุชน"
No comments:
Post a Comment