ตอนนี้จิตใจของศิษย์สะอาดหรือยัง
ยังมีความกังวลขุ่นหมองหรือไม่
อาจารย์เห็นพวกเจ้าบันทึกเสียงบันทึกภาพไม่หยุดหย่อน
เขาวิจารณ์เรา นินทาเรา เขาด่าเรา เราก็บันทึกไว้
เวลาที่เขาชื่นชมเรา เราก็บันทึกไว้เหมือนกัน
ไพเราะหรือไม่ไพเราะเราก็บันทึกไว้หมด
ผู้คนแสดงสีหน้าทั้งดีและไม่ดี เราก็บันทึกไว้หมด
กลางวันเก็บภาพไว้เรียบร้อย กลางคืนเปิดฉาย (ครุ่นคิด)
เปิดดูอีกรอบ ร้องไห้อีกครั้ง ทุกข์ใจอีกครั้ง
ศิษย์เอ๋ย ภาพยนต์แบบนี้ไม่จรรโลงเอาเสียเลย
แต่ศิษย์ดูตั้ง 100 รอบยังไม่ยอมเบื่อ
ภาพยนต์แบบนี้ปิด ๆ เสียบ้าง ดูไปก็ไม่ได้มาตรฐาน
พวกเรามาฟังธรรมะ มาชำระล้างจิตใจ มาทำจิตใจให้สะอาด
มาขจัดขยะใจ และความกลัดกลุ้มกังวลของเรา
ในใจศิษย์มีเตาเผาขยะไหม
ศิษย์เชื่อหรือไม่ว่าขยะสามารถเปลี่ยนเป็นทองได้
ขยะสามารถกลายเป็นทองได้ ความกลัดกลุ้มก็สามารถเปลี่ยนเป็นปัญญาได้เช่นกัน
ให้ลูกศิษย์ทุกคนยกมือขึ้นสูง ๆ
ขอถามว่าฝ่ามือเราเป็นเนื้อใช่ไหม แล้วหลังมือเป็นเนื้อของเราหรือเปล่า
ถ้าฝ่ามือเป็นความกังวล ปัญญาก็เป็นหลังมือ
ถ้าเราผันสักทีหนึ่ง เราหมุนสักครั้งหนึ่ง เราผันเปลี่ยนและยินดีที่จะผันเปลี่ยน ยินยอมที่จะเปลี่ยน ยอมที่จะสำนึก ยอมที่จะย้อนมองส่องตน
ขยะก็จะเปลี่ยนเป็นทอง
ความกังวลยังสามารถกลายเป็นโพธิ
ฉะนั้น ความกังวลนี้ดีหรือไม่ เราต้องยินดีต้อนรับความกังวล
ไม่มีความกังวลเหล่านี้จะเกิดปัญญาได้อย่างไร
ความกังวลจึงเป็นโอกาสที่สร้างให้เราได้มีปัญญา
แต่ถ้าเราไม่ยินยอมที่จะผัน จะเปลี่ยน ความกังวลก็ยังคงเป็นความกังวลตลอดไป
ไม่ว่าเราจะเดิน ทานอาหาร หลับนอน พูดจา มันจะติดตามเรา เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วใบหน้าของเราก็คงหมดสิ้นสง่าราศี สีหน้าของศิษย์ก็ได้แต่อมความทุกข์
ชีวิตนี้ก็จะอยู่ในความมืดตลอดไป
จิตใจที่สงบ เป็นบุญวาสนาอย่างหนึ่ง
การชอบฟังธรรมะ ก็เป็นบุญวาสนาอย่างหนึ่ง
สามารถผันเปลี่ยนความกลัดกลุ้มเป็นปัญญา ก็เป็นวาสนาอย่างหนึ่งเช่นกัน
จะให้จิตใจสงบตัดความกังวล ต้องอาศัยความสามารถในการบำเพ็ญผันความคิดตน
ยังต้องอาศัยรับการฉายส่องจากแสงแห่งสัจธรรม ศึกษาหนังสือธรรมะไม่ขาดสาย รู้จักพอ รู้จักวาง ลดการแสวงหาขยะจากภายนอก
หากใจของเราสงบอยู่เสมอก็จะไม่ถูกสิ่งรอบกายนี้ขักนำเราไปหรือบงการเราได้
เรื่องราวเกิดก็สนองรับ เรื่องราวดับก็สงบลง
ใจก็จะไม่ยึดกับสิ่งใด ไม่ยึดมั่นอยู่ในสิ่งใด
ใม่ถุกผูกมัดใด ๆ และก็จะไร้ความกังวลใด ๆ
มีข้อคิดดีดี อยู่นะเนี่ย
ReplyDelete