Sunday

องค์ฝาลวี่จู่เมตตา

ในการประชุมธรรมชั้นชิงโข่วที่จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมผู้ที่ตั้งปณิธานทานเจตลอดชีวิตในครั้งนี้จัดว่าเป็นครั้งสำคัญซึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เมตตานำพาวิญญาณผู้ทุศีลเจขึ้นมาจากก้นบึ้งแห่งนรกอเวจีเข้ามาเป็นประจักษ์ เพราะเนื่องด้วยญาติธรรมที่เข้าร่วมชั้นในครั้งนี้ไม่น้อยที่ได้ทุศีลเจ...

เหตุการณ์ในชั้นวันประชุมได้มีวิญญาณเข้ามาประทับที่ร่างสามคุณทำให้ร่างสามคุณล้มฟุบลงทันทีทันใดวิญญาณส่งเสียงกรีดร้องดังกึกก้องครวญครางอย่างน่าสยดสยองจนจับขั้วหัวใจของผู้ที่ได้ยินเสียงนั้น...

ทันใด องค์ฝาลวี่จู่ก็ได้เสด็จประทับทิพยญาณเมตตา...

(สรุปใจความสำคัญ)


ฝาลวี่จู่

โปรดรักษาความสงบ
ในวันนี้เราได้รับคำบัญชาจากองค์ธรรมมารดามายังพุทธสถานแห่งนี้ เพื่อนำดวงวิญญาณของผู้ทุศีลเจมาสารภาพ เจ้าจงเล่าความผิดบาปของเจ้าเดี๋ยวนี้
(เสียงกรีดร้องยังดังอยู่มิขาดสาย ความทุกข์ทรมานที่วิญญาณกำลังได้รับน่าเวทนาสงสารเสียเหลือเกิน อาจารย์ถ่ายทอดธรรมจึงอัญเชิญน้ำทิพย์เหลาหมู่ให้วิญญาณดื่มได้คลายความเจ็บปวด)

วิญญาณทุศีลเจ

ฮือ ๆ ๆ ฉันชื่อ ...
ตอนที่ฉันยังมีชีวิตอยู่นั้น ได้เกิดมาในครอบครัวของผู้บำเพ็ญธรรมท่านหนึ่ง ซึ่งก็คือคุณพ่อคุณแม่ ท่านเป็นเจ้าตำหนักพระในครัวเรือน และได้ติดตามอาจารย์ถ่ายถอดธรรมไปปฏิบัติธรรมอยู่สม่ำเสมอ ตั้งแต่เยาว์จนย่างเข้าสู่วัยรุ่น
ในขณะเป็นสาววัยรุ่นนั้น ก็ได้มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มาชอบพอแต่ตนเองก็มิได้ใส่ใจในเรื่องราวความรักและคิดที่จะประพฤติปฏิบัติบำเพ็ญพรหมจรรย์
เมื่อเวลาผ่านไปจนกระทั่งใกล้จะเรียนจบปริญญาตรี ก็ได้พบกับสามีซึ่งก็คือเจ้ากรรมนายเวรของตนนั่นเอง เมื่อได้พบกันครั้งแรกก็รู้สึกรักใคร่ชอบพอ จนออกไปแต่งงานใช้ชีวิตอยู่กินร่วมกันกับสามี เมื่อคุณพ่อคุณแม่ได้ทราบข่าว ท่านก็ได้เป็นห่วงเป็นกังวลอย่างยิ่ง เพราะเนื่องจากตนนั้นได้ตั้งปณิธานทานเจแล้ว
หลังจากนั้นคุณพ่อคุณแม่ก็ได้ให้ตนนั้นพาผู้เป็นสามีมาแนะนำเพื่อทำความรู้จัก และคุณพ่อคุณแม่ก็ได้เชิญอาจารย์ถ่ายทอดธรรมมาช่วยชี้แนะถึงการับธรรมะและชักชวนให้สามีรับธรรม ด้วยความรักที่มีต่อกัน สามีจึงได้รับปากไปเช่นนั้น ถึงแม้มีโอกาสรับธรรมแต่มิได้มีความศรัทธาและเข้าใจต่อธรรมะอย่างแท้จริง ทั้งตนและคุณพ่อคุณแม่ก็พยายามชักจูงให้สามีได้มาบำเพ็ญธรรมปฏิบัติธรรม แต่สามีมักจะหาทางหลีกเลื่ยง
แรกเริ่มเดิมทีพักอาศัยอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ จนกระทั่งต่อมาสามีได้ชวนตนออกไปอยู่นอกบ้าน ด้วยความรักสามีก็ได้ย้ายตามสามีไปอยู่บ้านใหม่
เมื่อก่อนนั้น ตนก็ยังไปช่วยงานธรรมอยู่อย่างเสมอต้นเสมอปลาย แต่พอกลับจากงานธรรมมาถึงบ้านก็มีปากเสียงกัน สามีมักต่อว่าตนเป็นแม่บ้านอย่างไรไม่ดูแลบ้าน คิดแต่จะออกไปนอกบ้าน งานการไม่รู้จักดูแลรับผิดชอบ ใครเขาจะเอาเราไปนินทาได้
ตนก็พยายามชี้แจงความจริงให้สามีฟัง แต่สามีกลับไม่เข้าใจตนสักครั้ง เวลาทานอาหารก็จะแยกทาน เป็นอาหารเจและอาหารคาววางบนโต๊ะอาหารร่วมกัน สามีก็จะพูดต่อว่าด้วยความไม่พอใจ เป็นสามีภรรยากันอย่างไร ทานอาหารก็ทานไม่เหมือนกัน ถึงแม้ตนอธิบายอย่างไรแต่ก็ไร้ประโยชน์ นานวันตนก็เริ่มห่างสถานธรรม ช่วงแรก ๆ คุณพ่อคุณแม่อีกทั้งอาจารย์ถ่ายทอดธรรมและอาวุโสที่เป็นห่วงมักติดตามมาเยี่ยมตนที่บ้าน แต่ด้วยใจธรรมที่ถดถอยก็มักจะหลบหลีกจนถึงหลบหน้าอาจารย์และนักธรรมอาวุโส
ในที่สุดก็ไม่มีผู้ใดมาหาตนอีก ความเป็นอยู่ร่วมกับสามีก็เริ่มหมางเมิน เวลานอนสามีมักจะหันหลังให้ตลอด จากสาเหตุที่ไม่ทานอาหารคาวร่วมกับสามีนั่นเอง
จนในที่สุดสามีได้ยื่นคำขาดว่าฉันจะไปมีภรรยาใหม่ หลังจากนั้น เวลานอนก็แยกเตียงกัน ทำให้ตนต้องเป็นทุกข์กังวลใจ แต่ด้วยความรักสามีมากตนจึงยอมที่จะทุศีลเจ
เริ่มด้วยแรก ๆ ก็เจเขี่ย จนในที่สุดก็ถึงจั้นแตกเจ
วันแรกที่ตนนั้นทุศีลก็ได้ฝันร้าย เห็นวิญญาณมากมายในความฝันมาตลอด ไม่นานก็ได้ตั้งท้อง สามียิ่งซื้ออาหารคาวมาบำรุงครรภ์เป้นการใหญ่ บุตรอันเป็นที่รักได้คลอดออกมาดูโลก ครอบครัวที่ดูมืดมนก็สดใส แต่เหตุการณ์เหล่านี้ก็ดำเนินไปได้ไม่นาน สุขภาพกายที่เคยแข็งแรงก็เริ่มทรุดโทรม เจ็บป่วยกระเสาะกระแสะโดยไม่มีสาเหตุ
จนมาถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ใจก็ยังไม่วายอยากใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับสามีและลูกที่ตนรักต่อไปอีก แต่แล้วในวันหนึ่งขณะที่ตนมีอาการอ่อนแรงลงไปทุกขณะก็ได้ยินเสียง ๆ หนึ่งเป็นเสียงฝีเท้าลากโซ่ตรวนมาตามทางเดิน เสียงนั้นมาหยุดอยู่ตรงหน้าของตน ที่ที่ตนกำลังนอนป่วยทำให้เกิดความกลัวอย่างสุดขีด
ผู้ที่เป็นเจ้าของเสียงคือท่านท้าวยมบาลถือโซ่ตรวนขนาดใหญ่ไม่พิรี้พิไรก็นำโซ่ตรวนมาล่ามคอ ตวาดเสียงด้วยความดุดันน่าสะพรึงกลัวว่า มากับข้าเสียงโดยดีเจ้าวิญญาณบาป
วิญญาณของตนนั้นถูกกระชากอย่างสุดแรง ด้วยความอาลัยอาวรรณ์ยังไม่อยากจะจากโลกนี้ไป จึงมีคำถามในใจเกิดขึ้น ในเมื่อตนนั้นได้รับธรรมะเป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์จี้กง จึงได้ตอบโต้กับท่านท้าวยมบาลว่า ...
ฉันรับธรรมะแล้ว พระอาจารย์จะต้องมารับฉันสิ ... พระอาจารย์ช่วยลูกศิษย์ด้วย ๆ ๆ
ท่านท้าวยมบาลตวาดกลับอย่างสุดเสียง หยุดเดี๋ยวนี้นะเจ้าวิญญาณบาปอย่าทำกำแหงกับข้า ยังไม่รู้อีกหรือว่าตนเองได้ทำบาปอะไรไว้ ทุศีลเจแล้วยังมาทำโอหังบอกว่าเป็นลูกศิษย์ท่านอาจารย์จี้กงอีกหรือ
ท่านท้าวยมบาลพิโรธฉุดกระฉากดวงวิญญาณ ทั้งเอาแส้ฟาดไปบนหลังของตน เอาตัวไปลงอาณาตัดสินโทษ และแล้วความผิดมหันต์ที่ตนได้ก่อกรรมไว้ ทำให้ตนต้องจมลงสู่ก้นบึ้งแห่งนรกอเวจี
ทุกขณะที่ตนถูกรับโทษ ดวงวิญญาณจะถูกภูเขาน้ำแข็งทับ ขณะเดียวกันจะถูกวิญญาณสัตว์เจ้ากรรมนายเวรรุมกัดรุมทึ้งและสูบเลือดจิกตอดฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ความเจ็บปวดนั้นก็ไม่ต่างกับที่เราทานน่องไก่และกระดูกหมูที่ต้มจนเปื่อย ฉีกเนื้อกินจนเหลือแต่เพียงก้างและกระดูก กระดูกอ่อนก็ยังเอามาขบเคี้ยว ทั้งยังแทะเล็ม ไปถึงไขข้อกระดูกอย่างอร่อยลิ้นของเรา

ความหนาวเย็นของภูเขาน้ำแข็งก็ทำให้เราต้องมารับความเจ็บปวดถึงไขข้อกระดูกเหมือนกัน ฮือ ๆ ๆ เจ็บปวดเหลือเกิน ทรมานเหลือเกิน ไม่รู้กี่กัปกี่กัลป์จึงจะได้พ้นโทษ

(ในขณะนั้นพระอาจารย์จี้กงได้เสด็จมาประทับทิพยญาณด้วยความอนาทรร้อนใจที่มีต่อศิษย์รักประดุจพ่อลูก พระองค์ตรงรี่เข้ามาคุกเข่าต่อหน้าองค์ธรรมมารดา ยอมเสียสละตัดเนื้อที่แขนเพื่อชดใช้กรรมแทนลูกศิษย์)

ฝาลวี่จู่

ท่านจี้กง ท่านจะทำเช่นนี้มิได้
ผู้กระทำความผิดบาป ต้องเป็นผู้ได้รับผลแห่งกรรมนั้น
เมื่อผู้ใดได้ยินเรื่องราวของดวงวิญญาณนี้ นำไปบอกเล่าเพื่อเป็นวิทยาทาน บุญกุศลอุทิศให้แก่ดวงวิญญาณได้ลดโทษไถ่บาป...
ได้เวลากลับไปรับโทษของเจ้าต่อแล้ว

วิญญาณทุศีลเจ

ไม่ลง ๆ
ช่วยด้วย ๆ พระอาจารย์ช่วยลูกศิษย์ด้วย
(เสียงของวิญญาณร้องร่ำอยู่อย่างโหยหวน ก่อนถอนญาณออกจากร่างสามคุณเพื่อไปรับโทษทัณฑ์อย่างน่าเวทนา)
(จากนั้นท่านฝาลวี่จู่ได้กลับมาเมตตาญาติธรรมในชั้น)

ฝาลวี่จู่

ใครทุศีลเจออกมาหน้าชั้น
มาสารภาพบาปเพื่อลดหนี้เวรกรรมเดี๋ยวนี้
พวกเจ้าได้เห็นเป้นประจักษ์หรือยังว่า โทษของการทุศีลเจน่ากลัวแค่ไหน
เมื่อเห็นแล้วพวกเจ้าเกิดจิตสำนึกเพื่อขอขมากรรมหรือไม่ (เกิดจิตสำนึกครับ)
ให้กราบสำนึกขอขมาต่อหน้าองค์ธรรมมารดา 10,000 กราบ

(จากนั้นท่านฝาลวี่จู่ได้ขอไม้จากอาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรม เพื่อไถ่บาปลดโทษให้กับญาติธรรมที่ทุศีลเจและเมตตาให้ทุกคนปฏิญาณตนกลับตัวกลับใจตั้งตนใหม่ก่อนทุกอย่างจะสายเกิน...)

No comments:

Post a Comment