Sunday

ชีวประวัติ กว่องทงต้าเซียน

ชีวประวัติ
อาจารย์หวง (เต๋ออวี้) เตี่ยนฉวนซือ

1. ประวัติส่วนตัว
ชื่อไทย นายณรงค์ศักดิ์ รัตนคุณูประการ
ชื่อจีน หวงเต๋ออวี้ (อึ๊งเต็กหยู)
วันเกิด 16 มิถุนายน พ.ศ. 2473
วันรับธรรมะ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2529 (อายุ 56 ปี)
วันที่ได้รับแต่งตั้งเป็นเตี่ยนฉวนซือ 3 กันยายน พ.ศ. 2533 (อายุ 60 ปี)
วันบรรลุธรรม 18 เมษายน พ.ศ. 2546 (อายุ 73 ปี)
ท่านเป็นบุตรคนที่สี่ของนายง้วน แซ่อึ๊ง และนางเง็กชุ้น แซ่อึ๊ง ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 7 คน ได้แก่
1. นางประไพ แซ่อึ๊ง (ถึงแก่กรรม)
2. นางโสภา แซ่อึ๊ง
3. นางอรพิน แซ่อึ๊ง
4. นายณรงค์ศักดิ์ รัตนคุณูประการ
5. นางเสมอใจ รัตนคุณูประการ
6. นางสาวเสมอจิต รัตนคุณูประการ
7. พระพลวิมุตโต (พระจุมพล)
เกิด ที่บ้านคอวัง ตำบลป่าพฤกษ์ อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ต่อมาในปี พ.ศ. 2486 ครอบครัวครอบครัวได้ย้ายมาอยู่ที่จังหวัดนครปฐม จึงเรียนต่อจนจบชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดพระปฐมเจดีย์ (วัดใหญ่) เนื่องจากฐานะทางบ้านยากจนจึงมิได้เรียนต่อแต่ออกมาค้าขายเพื่อเลี้ยงดูบิดา มารดาและส่งเสียน้องๆ ให้ได้รับการศึกษาสูงๆ เริ่มจากขายขนมครก ขายกาแฟ และวิ่งรถโดยสารประจำทางสายเพชรบุรี-กรุงเทพฯ อยู่ช่วงหนึ่ง
2. ชีวิตสมรส
สมรสกับนางสาวอรุณศรี พวงสำลี พ.ศ. 2501 มีบุตร-ธิดา ทั้งหมด 7 คน ได้แก่
1. นางสาวเฉลิมวรรณ รัตนคุณูประการ (ถึงแก่กรรม)
2. นายสุวัจน์ รัตนคุณูประการ
3. นายชัยรัตน์ รัตนคุณูประการ
4. นางจันทนา บุญครุฑ
5. นายมงคล รัตนคุณูประการ
6. นางสาวจุฑามาศ รัตนคุณูประการ
7. นายวีรชัย รัตนคุณูประการ

3. คนดีศรีสังคม
- พ.ศ. 2510 ตั้งปั๊มน้ำมันเชลล์ ณ บ้านเลขที่ 375 ม.1 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
- พ.ศ. 2517 เป็นวิทยากรลูกเสือชาวบ้าน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
- พ.ศ. 2524 เป็นสมาชิกโรตารี่นครปฐม และได้รับเกียรติให้เป็นอุปนายกสโมสรฯ
- พ.ศ. 2526 เป็นนายกก่อตั้งสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ริเริ่มสร้างสนามกรีฑา 8 ลู่วิ่ง, วงดนตรี ฯลฯ
- พ.ศ. 2527 ได้รับการเลือกตั้งให้เป็นนายกสมาคมอึ๊งศรีนครปฐม, รองประธานชมรมกำแพงแสน และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเบ็ญจมาภรณ์มงกุฏไทยจากพระ หัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
-- พ.ศ. 2529 เป็นกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ประจำจังหวัดนครปฐม 2 สมัยติดต่อกัน (พ.ศ. 2529-2533)

4. ธรรมกิจ
- พ.ศ. 2529 รับธรรมะที่พุทธสถานไท่ทง อ.เมือง จ.นครปฐม มีอาจารย์ไหน่อิ้วโส่ว เป็นเตี่ยนฉวนซือ อาจารย์โกวสุ่ยง้อเป็นอิ่นซือ อาจารย์ปึงกิดเตี๋ยว (ฟังจี๋จ้าว) เป็นเป่าซือ ท่านเป็นคนมีคุณธรรม มีน้ำใจ โอบอ้อมอารี ใจเมตตา ชอบช่วยเหลือผู้อื่นและสังคมเสมอๆ หลังจากศึกษาจนเข้าใจถึงคุณอันวิเศษของธรรมะแล้ว ท่านได้ทานเจตลอดชีวิตและอุทิศตนเพื่องานธรรม ทุ่มเททำงานธรรมะอย่างสุดกำลัง ฉุดช่วยนำพาคนมารับธรรมะมากมาย ตลอดจนส่งเสริมญาติธรรมให้เข้าใจธรรมะได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
- พ.ศ. 2533 บุกเบิกแพร่ธรรมจนได้รับความไว้วางใจจากท่านเฉียน เหยินแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์บรรยายธรรม และอาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมถัดมา
- 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 ก่อตั้งและเป็นประธานมูลนิธิปฐมธรรม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ชนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมอันดีงาม ดำเนินการและให้ความร่วมมือกับองค์กรการกุศลอื่นๆ เพื่อสาธารณประโยชน์
- 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2535 คุณพันธ์ทิพย์ อาริยวัฒน์ ญาติธรรมของพุทธสถานไท่ทง มีจิตศรัทธาบริจาคที่ดินบริเวณ หมู่ 5 บ้านหนองขาหยั่ง ต.สนามจันทร์ อ.เมือง จ.นครปฐม และกราบเรียนเชิญท่านเฉียนเหยินโปรดทำพิธีวางศิลาฤกษ์ พร้อมกับจัดชั้นศึกษาถันจู่ที่พุทธสถานไท่จง ก่อตั้งศูนย์กลางร่วมงาน เพื่อผนึกใจร่วมไว้
- 26 มิถุนายน พ.ศ. 2537 รับโล่เกียรติคุณนักบริหารจรรยาบรรณดีเด่น และนักธุรกิจคุณธรรมดีเด่น จาก ฯพณฯ ท่านพลเอกประมาณ อดิเรกสาร
- มิถุนายน พ.ศ. 2539 พุทธสถานเทิดคุณธรรม (ฉงเต๋อฝอเอวี้ยน) และอาคารสำนักงานใหญ่มูลนิธิปฐมธรรม ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันของทุกฝ่าย ภายใต้การชี้แนะการก่อสร้างเป็นระยะๆ จากท่านเฉียนเหยิน
- 12 มกราคม พ.ศ. 2540 ท่านเฉียนเหยินทำพิธีเปิด ธรรมปราสาทฉงเต๋อฝอเอวี้ยน พุทธสถานส่วนกลางอาณาจักรธรรมฟาอีฉงเต๋อประเทศไทย และที่ทำการ กองทุนสงเคราะห์เทิดคุณธรรม ตลอดจนเป็นที่ตั้งอาคารสำนักงานใหญ่มูลนิธิปฐมธรรมอีกด้วย
- พ.ศ. 2544 นับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิปฐมธรรมเป็นต้นมา ท่านได้ช่วยเหลืองานธรรม ทางด้านส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมในประเทศไทย มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ จนทางจังหวัดคัดเลือกเข้าประกวดผลงานระดับภาค 4 (นครปฐม กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์) ได้รับรางวัลชมเชยประจำปี พ.ศ. 2544 จากสมาคมสันนิบาตมูลนิธิแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และได้รับรางวัลที่สามในปี พ.ศ. 2546
ตลอดเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่เป็น อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมนั้น ท่านได้ช่วยงานธรรมะด้วยการทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจอย่างมิเห็นแก่ความเหน็ด เหนื่อย ออกบุกเบิกแพร่ธรรมไปทั่วประเทศและส่งเสริมญาติธรรมมากมายทั้งในและต่าง ประเทศ อาทิเช่น เดินสายปั้นเต้าเดือนละสองครั้ง ช่วงเช้าที่พุทธสถานไท่หัว อ.เมืองเพชรบุรี ช่วงบ่ายที่พุทธสถานไท่อิง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ช่วงกลางคืนที่พุทธสถานไท่ซิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีบันธ์ พอรุ่งเช้าต้องเดินทางไปปั้นเต้าต่อยังพุทธสถานในครัวเรือน บ้านเกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ นอกจากนี้ยังมีพุทธสถานที่ท่านเดินทางไปส่งเสริมและปั้นเต้าอีกหลายแห่ง เช่น พุทธสถานใน อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ทางภาคเหนือที่ พุทธสถานใน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ บุกเบิกแพร่ธรรมที่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน พุทธสถานไท่ฮุ่ย อ.เมือง จ.พะเยา พุทธสถานใน อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก พุทธสถานที่บ้านทรัพย์ไพรวัลย์ บ้านเขาทราย จ.พิจิตร พุทธสถานไท่อิ๋ง อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ ภาคอีสาน พุทธสถานไท่ซุ่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น และยังมีที่ อ.พระนอน อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด
นอกจากนี้ยังส่งเจี่ยงซืออีกหลายคนออกไปบรรยายธรรมะในชั้นเรียนต่างๆ และชั้นฟ้นฟูจิตเดิมแท้ในหลายๆ สถานธรรมทั่วทุกภาค

5. ช่วงบั้นปลายชีวิต
ต้น ปี พ.ศ. 2545 สุขภาพของท่านเริ่มทรุดโทรมด้วยโรคกระเพาะอาหารและตับอักเสบจนถึงกับล้มป่วย ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลบ่อยครั้ง แต่พออาการทุเลาลงท่านก็ออกดำเนินงานธรรมต่อโดยมิยอมหยุดพัก แม้บุตรภรรยา อาวุโสและผู้น้อยของท่าน ตลอดจนญาติธรรมที่ทราบเรื่องจะพากันขอร้องให้ท่านพักผ่อนบ้าง ท่านก็มักจะบอกว่า “ยังไหว” และมักเตือนทุกคนว่า “บัดนี้กาลเวลาคับขัน ต้องเร่งรีบทำงานธรรมะสร้างบุญบรรลุปณิธาน ตราบใดที่กายสังขารยังทนไหวจะกระทำต่อไปจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ”
7 เมษายน พ.ศ. 2546 ท่านปั้นเต้าครั้งสุดท้ายที่พุทธสถานครัวเรือนของอาจารย์ดารุณี (เขียวมรกต) เจี่ยงซือ ต.ธรรมศาลา อ.เมือง จ.นครปฐม มีผู้รับธรรมะ 18 คน
ตี สองของวันรุ่งขึ้น ท่านรีบตื่นเพื่อเตรียมตัวไปปั้นเต้าที่พุทธสถานไท่จั้น บ้านร่องระกำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี แต่สิ้นเรี่ยวแรงลุกไม่ไหว เพราะความชราภาพและการไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอกอปรกับโรคภัยรุมเร้า บุตรภรรยาจึงรีบพาท่านส่งโรงพยาบาลจันทรุเบกษา อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม แพทย์ตรวจพบว่าเส้นเลือดฝอยในสมองแตก
13-15 เมษายน พ.ศ. 2546 บุคลากรและญาติธรรมในชั้นประชุมธรรมฟื้นฟูจิตเดิมแท้ได้ร่วมกันกราบขอต่อพระ แม่องค์ธรรมและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายห้าพันกราบ ได้ช่วยปกป้องให้ท่านหายวันหายคืน กลับมาเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรและขวัญกำลังใจของผู้น้อยทั้งหลายอีกครั้ง
17 เมษายน พ.ศ. 2546 หลังจากรอดูอาการอยู่อาทิตย์กว่าๆ อาการทรุดลงเรื่อยๆ ไม่ดีขึ้นเลย บุตรภรรยาจึงได้นำท่านส่งโรงพยาบาลธนบุรี กรุงเทพฯ
18 เมษายน พ.ศ. 2546 เวลา 13.45 น. ท่านได้ทิ้งกายสังขารไปอย่างสงบ สิริรวมอายุได้ 72 ปี 10 เดือน 2 วัน
การ บรรลุธรรมของท่านได้ยังความโศกเศร้าเสียใจและถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่ง ใหญ่อีกครั้งหนึ่งของบุคคลในครอบครัว และของอาณาจักรธรรมประเทศไทย

ประวัติการบำเพ็ญปฏิบัติธรรม
อาจารย์หวง (เต๋ออวี้) เตี่ยนฉวนซือ
เมตตาโดย จางเตี่ยนฉวนซือ

วันนี้ 15 ค่ำ เดือน 9 ข้างจีน เป็นวันเฉลิมฯ พระแม่องค์ธรรม ในฤดูใบไม้ร่วงพอดี อีกสักครู่เราจะทำพิธีถวายผลไม้ อาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประทับฐาน และร่วมกราบพระร่วมกันเนื่องในวันสำคัญนี้
หลังจากหวงเตี่ยนฉวนซือ บรรลุธรรมกลับสู่เบื้องบนไป เตี่ยนฉวนซือทั้งหลายในศูนย์กลางได้ประชุมกันแล้วเห็นว่า ท่านเป็นเตี่ยนฉวนซือท่านแรกของอาณาจักรธรรมประเทศไทยที่บรรลุธรรมไป จึงได้เรียนท่านเฉียนเหยินได้โปรดประทานอนุญาตให้ท่านมาผูกบุญสัมพันธ์ด้วย การเขียนกระบะทราย และได้กำหนดเอาวันนี้ (10 ตุลาคม พ.ศ. 2546) ญาติธรรมทั้งหลายที่ทราบข่าวต่างเดินทางมาจากเขตต่างๆ ทั้วประเทศ บางคนมาถึงตั้งแต่เมื่อวาน บางคนก็เพิ่งมาถึงเมื่อเช้านี้ ทุกคนต่างเหนื่อยยากตรากตรำมาร่วมงานนี้เพราะใคร่อยากจะรู้ว่าท่านสำเร็จ มรรคผลในระดับใด การเชิญทิพยญาณมาผูกบุญสัมพันธ์นี้มิใช่เรื่องที่จะทำง่ายๆ ต้องขออนุญาตจากท่านเหล่าเฉียนเหยิน เฉียนเหยินเสียก่อนจึงจะจัดได้ อันที่จริงท่านเฉียนเหยินจะต้องเดินทางมาดำเนินการด้วยตัวของท่านเอง แต่เนื่องด้วยท่านบุกเบิกแพร่ธรรมไปทั่วโลก ภารกิจรัดตัวมากจนไม่อาจปลีกมาได้ จึงมอบหมายให้ อาจารย์หง (ชิวเหมย) เตี่ยนฉวนซือ เป็นตัวแทนมาเป็นประธานในพิธีนี้ ซึ่งท่านก็ได้เดินทางมาถึงประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2546 และช่วงนี้ท่านได้มอบหมายให้จางเตี่ยนฉวนซือมาแนะนำประวัติการปฏิบัติบำเพ็ญ ธรรมของหวงเตี่ยนฉวนซือสักเล็กน้อย
อาจารย์หวงรับธรรมะเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2529 ที่พุทธสถานไท่ทง จ.นครปฐม ตอนที่พี่สาวไปชักชวนท่านเห็นว่าตนเองนั้นทำความดีอยู่แล้ว จึงไม่อยากรับธรรมะ เมื่อถูกรบเร้าให้ลองไปฟังดูก่อน ก็ยอมไปแบบเสียไม่ได้ แต่พอฟังแล้วรู้สึกว่าเข้าท่าดี จึงได้ยอมรับธรรมะ หลังจากนั้นจึงได้รับการส่งเสริม ชี้แนะจนบังเกิดจิตศรัทธา และเข้าใจในคุณวิเศษของธรรมะ รู้ว่าเป็นหนทางในการหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดอย่างแท้จริง จึงไปชักชวนน้องชายคนสุดท้องซึ่งจบปริญญาโทจากจุฬาลงกาณ์มหาวิทยาลัยและ กำลังบวชเป็นพระภิกษุอยู่ ให้มารับธรรมะ กลับถูกตีกเตือนให้ระวังจะถูกหลอกลวงเงินทองจนหมดตัว อย่างไรก็ดีเมื่อมีการจัดประชุมธรรมครั้งแรกขึ้นที่พุทธสถานไท่ทง ซึ่งมีจวง (เซิงถัง) เตี่ยนฉวนซือ เป็นประธาน ท่านก็ได้เชิญหลวงน้องมานั่งฟังด้วยทั้งที่ยังมิได้รับธรรมะ ครั้งนั้นเมื่อพระอาจารย์จี้กงเสโจมาประทับทิพยญาณในร่างสามคุณพระอาจารย์ เมตตาเรียกชื่อ หวงซู่ซู่ (พระจุมพล) ให้เป็นตัวแทนนักเรียนในชั้นออกมาวงพระโอวาทซ้อนพระโอวาท จางเตี่ยนฉวนซือรู้สึกตกใจเพราะพระจุมพลยังมิได้รับธรรมะและยังมิได้ติดบัตร ลงทะเบียนเข้าประชุมธรรม แล้วเหล่าซือรู้ได้อย่างไร พระอาจารย์ได้โปรดบอกกับทุกคนว่า หลายชาติก่อนพระจุมพลเคยบวชเป็นพระหลวงจีนร่วมกับพระองค์มาก่อน เหตุนี้จึงทำให้พระจุมพลยอมรับธรรมะด้วยความศรัทธา และไม่ว่าประชุมธรรมที่ใดก็จะไปช่วยงานเสมอ หากพระอาจารย์ประทับทิพยญาณก็จะทรงบอกว่า “เพื่อนเรามาแล้วมาช่วยกันเผยแพร่ธรรมะเถิด” ตั้งแต่นั้นมาพี่ๆ น้องๆ ของหวงเตี่ยนฉวนซือล้วนแต่ศรัทธา เพราะรู้ว่าธรรมะดี มีเทียนมิ่ง จึงนำพาทุกคนในครอบครัวและบ้านใกล้เรือนเคียงมารับธรรมะกันมากมาย
ปี พ.ศ. 2531 เปิดพุทธสถานไท่อวิ้น ที่มีนบุรี ในขณะนั้นมีเตี่ยนฉวนซือเพียงสองท่าน คือจางเตี่ยนฉวนซือ และชิวเตี่ยนฉวนซือในช่วงนั้นการบุกเบิกแพร่ธรรมในประเทศไทยเริ่มขยายมาก ขึ้น เมื่อมีปั้นเต้าบางครั้งชิวเตี่ยนฉวนซือไม่ว่าง จางเตี่ยนฉวนซือก็ไม่สบายไปไม่ไหว ในที่สุดจึงเรียนขอท่านเหล่าเฉียนเหยินโปรดแต่งตั้งเตี่ยนฉวนซือเพิ่มอีกสอง ท่าน คือ อาจารย์เจียงจินฝู และอาจารย์หวงเต๋ออวี้ (เดินทางไปรับพระโองการสวรรค์เป็นเตี่ยนฉวนซือที่ประเทศไต้หวัน เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2533)
ตั้งแต่นั้นมาหวงเตี่ยนฉวนซือก็ หมั่นศึกษาหลักธรรมอย่างขมักเขม้น และมักจะโทษว่าตัวท่านรู้ภาษาจีนน้อยไป อ่านแล้วรู้บ้างไม่รู้บ้าง แต่ก็มิได้ย่อท้อ พยายามศึกษาจนท่านมีความเข้าใจลึกซึ้ง ท่านบุกเบิกแพร่ธรรมจากสถานธรรมท่ทง ไปยังบ้านโป่ง ตั้งสถานธรรมไท่ยู้ในปี พ.ศ. 2535 มีเจี่ยงซือและญาติธรรมแพร่ธรรมขยายไปสู่ภาคอีสานและภาคเหนือ ช่วงนั้นเจี่ยงซือมีไม่เพียงพอ ทั้งเจียงเตี่ยนฉวนซือและหวงเตี่ยนฉวนซือต้องเดินทางไปช่วยงานธรรมะที่พุทธ สถานวั่นซั่น อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ไปบรรยายหลายแห่งทั่วประเทศ ทางเหนือตั้งแต่นครสวรรค์ พะเยา เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ทางใต้ตั้งแต่สงขลา นครศรีธรรมราช ภาคอีสานได้ไปบุกเบิกที่ขอนแก่น ร้อยเอ็ด เพชรบูรณ์ โคราช ฯลฯทำให้ต้องเหนื่อยยากตรากตรำจนสุขภาพทรุดโทรมด้วยโรคตับอักเสบ ทุกครั้งที่ป่วยไข้จางเตี่ยนฉวนซือมักเตือนให้พักผ่อนเสียบ้าง แต่พออาการกระเตื้องขึ้นก็ออกเดินทางอีก ร่างกายทรุดโทรมลง ในที่สุดก็บรรลุรรมในวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2546 ด้วยวัย 73 ปี ญาติธรรมที่ได้ทราบข่าวต่างก็อยากรู้ว่าท่านจะได้รับมรรคผลใด เพราะท่านเคยมาเข้าฝันถันจู่ ฟู่ถันจู่หลายคน บอกว่าอย่าท้อแท้ ให้รีบไปทำงานธรรมะ ซึ่งบางคนก็เชื่อ บางคนก็ไม่เชื่อ ดังนั้นวันนี้ท่านจะมาเขียนกระบะทรายบอกกับเราโดยตรงเลยว่าบำเพ็ญธรรมเป็น อย่างไร และจะส่งเสริมเราต่อไปอย่างไร
ด้วยเวลาจำกัด ญาติธรรมในที่นี้ก็มาจากหลายแห่ง มีทั้งเป็นเตี่ยนฉวนซือและบุคลากร ทุกคนจงสงบใจขอพระแม่องค์ธรรม พระอาจารย์เมตตาโปรดให้มีเวลาเขียนกระบะทรายมากหน่อย ทั้งนี้ก็ต้องอาศัยทุกท่านร่วมแรงร่วมใจกันจริง ปกติแล้วบุคคลในครอบครัวของหวงเตี่ยนฉวนซือจะต้องเป็นผู้ถวายใบคำขอ แต่หงเตี่ยนฉวนซือให้ตัวแทนเตี่ยนฉวนซือจากศูนย์กลางสามท่าน (อ.จาง อ.เจียง อ.ประวัติ) ทำการแทน
เมื่อสิบกว่าปีก่อนหลังจากบิดาของหวง เตี่ยนฉวนซือถึงแก่กรรมไปแล้วสี่ปี ท่านได้ขอท่านเหล่าเฉียนเหยินโปรดเมตตาอนุญาติให้บิดาของท่านมาเขียนกระบะ ทรายผูกบุญสัมพันธ์ที่พุทธสถานไท่จงเช่นกัน ก่อนอื่นมักจะเรียกคนในครอบครัว บุตรภรรยาสั่งเสียเรื่องที่ยังค้างคาอยู่ ตามด้วยหลานๆ ถันจู่ เจี่ยงซือที่เป็นผู้น้อยของอาจารย์หวงโดยตรงซึ่งมีนับพันคน ในที่นี้ก็มีส่วนหนึ่งถือเป็นตัวแทนนอกจากนี้ครอบครัวของท่านก็มีทั้ง เจี่ยงซือ ถันจู่ ฟู่ถันจู่ หลายคน เพราะฉะนั้นมรรคผลของท่านจะสูงส่งเพียงใดเรารมิอาจทราบได้ วันนี้ท่านมีโอกาสมาเขียนกระบะทรายพูดกับเราด้วยตัวท่านเองแล้ว ถ้าไม่มีซันไฉก็คงทำไม่ได้ ซึ่งจะใช้ซันไฉไต้หวันเขียนเป็ยภาษาจีน จากนั้นหลังพักทานอาหารเที่ยงจะแปลให้ทุกคนฟังอีกครั้งหนึ่ง
ช่วง นี้หงเตี่ยนจะเมตตาอธิบายรายละเอียดต่างๆ ในการทำพิธี พอเรียกชื่อใครก็ให้รีบออกมาคุกเข่าหน้าโต๊ะพระ กราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 5 กราบ เมลัญจกร ตั้งใจฟัง พอฟังจบรีบกราบ 5 กราบแล้วลุกขึ้น ท่านจะได้เรียกคนอื่นต่อไป หงเตี่ยนฉวนซือรับธรรมะตั้งแต่ยังเยาว์ และติดตามท่านเฉียนเหยินมาตลอดกว่า 50 ปี เคยเป็ยซันไฉมากว่า 30 ปี ติดตามท่านเฉียนเหยินไปบุกเบิกที่ญี่ปุ่น มาเลเซีย อลอสตาร์ สิงคโปร์ ไทย นอกจากนี้ยังเดินทางไปอีกหลายสิบประเทศเช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ อเมริกา ยุโรป มีประสบการณ์มากมาย ท่านมีความเข้าใจในเรื่องที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาประทับทิพยญาณเขียนกระบะทราย อย่างลึกซึ้ง จึงเรียนเชิญท่านมาอธิบายให้ฟังสักเล็กน้อย

ความหมายของการเขียนกระบะทรายผูกบุญสัมพันธ์
ของอาจารย์หวง (เต๋ออวี้) เตี่ยนฉวนซือ
เมตตาโดย หง (ชิวเหมย) เตี่ยนฉวนซือ


วันนี้ ถันจู่เจี่ยงซือมากมาย รวมทั้งครอบครัวของหวงเตี่ยนฉวนซือได้มาร่วมชุมนุมกัน ณ ที่นี้ นับว่าอาณาจักรธรรมประเทศไทยได้จัดงานใหญ่ขึ้นครั้งหนึ่ง เพราะสิ่งหนึ่งที่เราอาลัยรัก คืออาจารย์หวงบรรลุธรรมจากไป การที่ท่านได้อุทิศเสียสละแก่อาณาจักรธรรมนั้น ทำให้มีญาติธรรมมากมายคิดถึงท่านอยู่ ดังนั้นเตี่ยนฉวนซือทั้งหลายจากศูนย์กลางจึงได้ประชุมกันขอท่านเฉียนเหยิน ได้โปรดชี้แนะอนุญาตให้อาจารย์หวงมาผูกบุญสัมพันธ์ และได้กำหนดเป็นวันนี้ ซึ่งบังเอิญตรงกับวันเฉลิมพระธรรมพรรษาของพระแม่องค์ธรรมในฤดูใบไม้ร่วงพอดี เราทุกคนจึงได้กลับมาพระอารามใหญ่ร่วมกันกราบพระในวันสำคัญนี้ และถือโอกาสผูกบุญสัมพันธ์กับอาจารย์หวงด้วย
ในเมือไทยการผูกบุญสัมพันธ์ เช่นนนี้มีน้อยครั้ง อาจารย์หวงเป็นเตี่ยนฉวนซือท่านแรกที่ล่วงลับไป ท่านเฉียนเหยินจึงขอเบื้องบนได้โปรดให้มาผูกบุญสัมพันธ์ เพื่อที่จะแสดงให้เห็นเป็นประจักษ์หลักฐาน ซึ่งอันดับแรกจะต้องถวายใบคำขอโดยบุคคลในครอบครัว เพื่อกรายวิงวอนจอตี่อพระแม่องค์ธรรม และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้โปรดเมตตาประทานอนุญาต แต่ในวันนี้จะกระทำร่วมกับตัวแทนเตี่ยนฉวนซือจากศูนย์กลาง หลังจากถวายใบคำขอขึ้นสู่เบื้องยนแล้ว ต้องรอประมาณ 10 นาที เพราะเมื่อท่านท้าวตรีเทพพิทักษ์มหาราชได้รับแล้วจะต้องนำความขึ้นกราบบังคม ทูลต่อพระแม่องค์ธรรม จากนั้นพระองค์จะทรงมีพระบัญชาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์ใดไปตามหาอาจารย์หวง และเชิญท่านลงมาผูกบุญสัมพันธ์เราจึงต้องรอหน่อย เพราะการเชิญวิญญาณมาผูกบุญสัมพันิ์ไม่เหมือนกับการอาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มาประทับทิพยญาณ
เนื่องจากมีเวลาจำกัด ตอนนี้จะทำการถวายใบคำขอก่อน แล้วค่อยพูดถึงคุณวิเศษของการผูกบุญสัมพันธ์และสิ่งที่เราต้องใส่ใจ เชิญทุกคนในครอบครัวทั้งหมดของอาจารย์หวงออกมาคุกเข่าข้างหน้า เรียนเชิญเตี่ยนฉวนซือทั้งส่ามท่านที่เป็นตัวแทน พุทธบริกรจัดเบาะกราย ทุกคนช่วยกันเก็บเก้าอี้ที่อยู่ตรงกลางห้อง เหลือเพียงด้านข้าง เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะมากันมากมาย ขอให้ทำอย่างเงียบเชียบที่สุด วันนี้ให้ทุกคนสำรวมยืนดูด้วยความเคารพ สำหรับผู้สูงอายุที่ทนยืนนานๆ ไม่ไหว ให้คำนับหนึ่งครั้งแล้วเลี่ยงไปนั่งที่เก้าอี้ด้านข้างที่จัดไว้ เมื่อเก็บเสร็แล้วให้กลับมายืนอยู่ที่เดิมของตนอย่างสงบ
(เมื่อทุกอย่าง พร้อมแล้ว จางเตี่ยนฉวนซือได้อ่านใบคำขอถวายชื่อตัวแทนเตี่ยนฉวนซือและทุกคนในครอบครัว ของหวงเตี่ยนฉวนซือขึ้นสู่เบื้องบน เพื่อกราบวิงวอนขอต่อพระแม่องค์ธรรม หลังกราพระเสร็จแล้ว ทุกคนก็ลุกขึ้นกลับไปยืนที่เดิม จากนั้นพุทธบริกรช่วยกันเก็บเบาะกราย)
บัดนี้ เราได้ถวยใบคำขอขึ้นสู่เบื้งบนแล้ว ระหว่างที่รอคอยวิญญาณอาจารย์หวงมาผูกบุญสัมพันธ์ ก็จะพูดถึงพุทธระเบียบในเรื่องนี้ต่อจากเมื่อสักครู่ที่พูดค้างไว้ว่าการ เชิญวิญญาณมาผูกบุญสัมพันธ์ ไม่เหมือนกับการอาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาประทับทิพยญาณ เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีทิพยญาณที่สว่างใส (หยัง) ไร้พลังอินที่อับเฉา อาจารย์หวงล่วงลับแล้วอาจบรรลุเป็นเซียนก็ได้ แต่ท่านเพิ่งทิ้งกายสังขารไปไม่นาน อาจจะยังมีความอาลัยอาวรณ์ต่อคนในครอบครัว มีเรื่องทางโลกค้างคาอยู่ คิดถึงญาติธรรม หรืองานในอาณาจักรธรรม ซึ่งเป็นธรรมดาที่ในจิตใจของคนเราจะต้องมีความห่วงใยในเรื่องเหล่านี้ ใครที่ไม่มีถือว่าเป็นคนแล้วงน้ำใจ ดังนั้นในระหว่างการปฏิบัติบำเพ็ญ เราจะต้องเห็นความจริงในเรื่องที่ว่า เมื่อทิ้งกายสังขารแล้ว ยังต้องขึ้นไปบำเพ็ญจิตให้สงบใสอีก 100 วัน เป็นการบำเพ็ญชั้นสูง เพื่อขจัดอารมณ์ต่างๆ ที่เป็นพลังอินออกไปให้หมดสิ้นเหลือแต่ความสว่างของพลังหยัง ดังนั้นการเชิญมาในครั้งนี้ท่านคงอดมิได้ที่จะยังมีความห่วงใยอยู่ ดังนั้นสิ่งสำคัญเรื่องหนึ่งคือ เราทั้งหลายและทุกคนในครอบครัวของท่านจะต้องช่วยท่านให้ตัดความรักความอาว รณื เพื่อให้การมาผูกบุญสัมพันธ์วันนี้ราบรื่น และสำเร็จการ เราจึงต้องมีท่าทีและจิตใจอันเปี่ยมด้วยความเคารพ อยู่ในความสงบ สำคัญที่สุดคือห้ามคุยกัน ใครมีโทรศัพท์มือถือขอให้ปิดเครื่อง ผู้สูงอายุที่ยืนไม่ไหวให้คำนับแล้วเลี่ยงไปยืนด้านข้าง นี่เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนพึงสังวรและทำความเข้าใจเอาไว้
ในการมาผูกบุญ สัมพันธ์พระแม่องค์ธรรมจะทรงบัญชาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์พระองค์ใดพระองค์หนึ่ง เป็นผู้นำพามาและสอนพุทธระเบียบในการผูกบุญสัมพันธ์ให้แก่อาจารย์หวงด้วย เพราะเบื้องบนมีพุทธระเบียบ การมาผูกบุญสัมพันธ์ก็มีพุทธระเบียบเช่นกัน ดังนั้นไม่ว่าพระองค์ใดเสด็จมาเราก็ต้องกราบรับพระบาทก่อน เมื่อลุกขึ้นประจำที่แล้ว อาจารย์หวงจึงจะเขียนกระบะทรายพูดกับเราได้ซึ่งท่านจะบอกก่อนเลยว่าท่านคือ ใคร ได้รับอริยฐานะใด เราต้องฟังให้ชัดเจน เพราะถ้าท่านไม่ได้บรรลุเป็นต้าเซียนทุกคนในครอบครัวและญาติธรรมทั้งหลายจะ ต้องกราบรับ เตี่ยนฉวนซือ ไม่ต้อง แต่ถ้าท่านเป็นต้าเซียน เตี่ยนฉวนซือ ทั้งหลาย ไม่เว้นผู้ที่เป็นอาวุโสของท่านจะต้องกราบรับด้วยเช่นกัน เมื่อเจียเจี้ยแล้วท่านก็จจะเรียกทุกคนในครอบครัวและผู้น้อยของท่านออก มากราบขอบพระคุณพระมหากรุณาธิคุณพระแม่องค์ธรรม 100 กราบก่อน เพื่อตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณเบื้องบนเสียก่อน จากนั้นท่านจึงจะกล้าเขียนกระบะทรายต่อ ในระหว่างนั้นหากท่านเรียกชื่อใครทั้งที่เป็นคนในครอบครัวหรือญาติธรรมผู้ ร่วมบำเพ็ญ พอได้ยินชื่อของตนแล้วขอให้รีบออกมาทันที รีบคุกเข่ากราบ 5 กราบ อุ้มลัญจกร ตั้งใจฟังที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เพราะเห็นว่าทุกคนยังไม่รู้เรื่องเหล่านี้ จะได้เตรียมตัวเองไว้ก่อน
วันนี้ ใช้เวลาไปมากเพราะอุปสรรคในเรื่องของภาษา และเกรงว่าไม่อาจจะถ่ายทอดความรู้สึกของอาจารย์หวงอย่างละเอียดครบถ้วนได้ ทำให้เสียโอกาสที่เบื้องบนมีพระมหากรุณาธิคุณ และสูญเสียความตั้งใจของท่านเอง ดังนั้นทุกคนจะต้องตั้งใจฟังประจักษ์หลักฐานครั้งนี้ให้ดี โดยเฉพาะขณะนี้เรากับท่านอยู่กันคนละโลก เรายังเป็นชาวดิน ส่วนท่านเป็นชาวฟ้าไปแล้วจึงได้แต่อาศัยอักษรที่ปรากฏบนกระบะทรายนี้สื่อถึง กันเท่านั้น
ในอาณาจักรธรรมมีซันไฉซึ่งเป็นสาวพรหมจารีที่อุทิศตนเพื่อ งานธรรม ทำหน้าที่เป็นสะพาน เป็นปากเสียงแทนเบื้องบนโดยชัดเจน ขณะที่อาจารย์หวงอาศัยร่างอยู่นั้นจะรู้สึกหนักมาก ทั้งลำบากใจและหวั่นใจ มีระเบียบการที่ซันฉจะรับใช้เบื้องบนได้ดีนั้น จะต้องมีญาณบริสุทธิ์ดุจเครื่องรับที่ดี จึงจะสามารถรับสัญญาณที่ส่งมาได้อย่างเต็มที่ นั่นคือทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ ซึ่งซันไฉจะทำหน้าที่นี้ได้มีน้อยนัก ดังนั้นในอาณาจักรธรรมมิใช่ว่าใครอยากจะเชิญวิญญาณมาผูกบุญสัมพันธ์จะทำได้ ง่ายๆ วึ่งเป้นเรื่องที่ทุกคนพึงรู้และใส่ใจไว้
วันนี้หงเตี่ยนฉวนซือนำ พามาเป็นซันไฉไต้หวันสองคนซึ่งทำหน้าที่มานานตั้งแต่เมื่อครั้งท่านเหล่า เฉียนเหยินยังมีพระชนชีพอยู่ อีกทั้งท่านเหล่าเฉียนเหยินได้กำชับว่า มิให้ซันไฉชุดนี้ถอนตัวจากจิตศรัทธาที่ปฏิบัติบำเพ็ญ จึงให้ทำหน้าที่ให้วิญญาณผูกบุญสัมพันธ์ด้วย ขณะนี้มีเพียงสองท่าน พอดีเมื่อวานนี้เจิงเตี่ยนฉวนซือโทรศัพท์มาหาพอดี จึงรีบให้มาจดบันทึกข้อความสำคัญและบันทึกเสียงไว้ด้วย ภายหลังเมื่อมีเวลาจึงจะได้เรีบยเรียงให้เรียบร้อยอีกทีหนึ่ง
การผูก บุญสัมพันธ์เป็นเรื่องใหญ่ไม่ธรรมดา หากเกิดเหตุขัดข้องใด ทุกคนจะต้องอดทนมีศรัทธาจริงใจ ตอนนี้จะเตรียมโต๊ะ เชิญกระบะทราย แล้วเชิญซันไฉออกมา พุทธบริกร ส่งผ้าให้ซันไฉด้วย ขอให้ทุกคนยืนอยู่กับที่ด้วยความสงบเคารพยำเกรง สองมือแนบข้างลำตัว หลังจากเจียเจี้ยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผู้นำพาและอาจารย์หวงแล้ว จึงค่อยแยกย้ายกันออกเป็นสองฝั่ง หันหน้าเข้าหากัน ทุกคนจะได้มองเห็นกันได้ทั่วๆ อย่ายืนเบียดเสียดกันนัก พยายามเว้นช่วงให้อากาศถ่ายเทได้ เพราระอากาศร้อนและแอร์ไม่ค่อยเย็น เมื่อคนข้างหน้าดูได้สักพักแล้ว ให้ค่อยๆ ขยับลงไปข้างหลังเพื่อให้คนข้างหลังขยับขึ้นมายืนแทนที่อย่างสงบเงียบ ทุกคนจะได้เห็นถนัดชัดตา

โอวาทผูกบุญสัมพันธ์ของ
กว่องทงต้าเซียน
เมตตาโดย ฟังเตี่ยนฉวนซือ

วันนี้ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณเบื้องบน พระคุณพระบรรพาจารย์ บารมีคุณท่านเหล่าเฉียนเหยิน ท่านเฉียนเหยิน ด้วยความเมตตาจากเตี่ยนฉวนซือทั้งหลายในศูนย์กลาง เราได้กราบขอท่านเฉียนเหยินได้โปรดอนุญาติให้นำพาทิพยญาณของหวงเตี่ยนฉวนซือ มาผูกบุญสัมพันธ์
1. คุณประประโยชน์ในการมาผูกบุญสัมพันธ์
1.1 เป็นการปลอบขวัญบุตรภรรยาของท่านในอาณาจักรธรรม ในครอบครัว ให้ทุกคนเข้าใจถึงคุณวิเศษของธรรมะ เพราะมีอาวุโสบางท่านบรรลุธรรมไปแล้ว แต่ลูกหลานบางคนที่ไม่เข้าใจในธรรมะก็มาโทษอาณาจักรธรรมว่า ทำให้พ่อแม่ของตัวเองต้องเหนื่อยยากจนอายุสั้น ต้องตายไปก่อนเวลาอันควร ซึ่งตรงนี้เป็นความเข้าใจผิด อีกทั้งยังเป็นการสร้างบาปเวรต่อไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังนั้นเมื่อได้มาผูกบุญสัมพันธ์ ลูกหลานที่ไม่เข้าใจธรรมะก็จะเกิดความกระจ่างขึ้นว่าต่อให้พ่อแม่อายุยืนยาว อีก 50 ปี แล้วต้องตายไปเป็นผี กับการที่ต้องทิ้งกายสังขารไปเมื่อเวลาอันควร ในขณะที่อาณาจักรธรรมกำลังเฟื่องฟู ผู้คนกำลังเกิดจิตศรัทธา แล้วก็มีความเคารพ มีความชื่นชมยินดี เป็นที่แซ่ซ้องสาธุการของสาธุชนทั้งหลาย ย่อมจะดีกว่ามากมาย จึงช่วยปลอบขวัญให้ครอบครัวของท่านได้เกิดความอบอุ่นใจ ว่าการที่ท่านเหนื่อยยากอยู่ในอาณาจักรธรรม ทำแต่งานธรรมะสิบกว่าปีมานี้ไม่เสียเปล่า แต่ได้รับมรรคผลเกินค่ากว่าเวลาที่เสียไปมากมาย
1.2 ส่งเสริมญาติธรรมทั้งหลายที่ท่านดูแลโดยตรงและโดยอ้อม ให้ทุกคนเข้าใจถึงหลักสัจธรรมและรู้ชัดถึง เต้าเจิน-หลี่เจิน-เทียนมิ่งเจิน นั่นคือหนทางหลุดพ้นจริงมีสัจธรรมจริง มีพระโองการมอบหมายให้อย่างแท้จริง
ก่อนหน้านี้ที่ไต้หวันซึ่งเป็น อาณาจักรธรรมเก่าแก่กว่า 50 ปี ก็มีท่านผู้บรรลุธรรมไปแล้วนับไม่ถ้วน รูปภาพที่เขาติดไว้มีรายล้อมห้องโถง เป็นรูปเตี่ยนฉวนซือท่านนั้น เจี่ยงซือท่านนี้ ล้วนแต่บรรลุธรรมเป็นในระดับฐานะต่างๆ กัน ซึ่งมีมากมาย เมืองไทยของเรายังเป็นอาณาจักรธรรมใหม่เพิ่งจะ 20-21 ปี เท่านั้น และเพิ่งจะมีเตี่ยนฉวนซือท่านแรกที่บรรลุธรรมไป ดังนั้นเราจึงต้องเข้าใจว่า วิถีธรรมจริง คือหนทางที่จะกลับคืนไปสู่ความหลุดพ้นจริง ก็คือสิ่งที่เรากด้รับแล้ว
มี หลักสัจธรรมที่แท้จริง ไม่ใช่เรื่องหลงงมงายอะไร เราจะไปบอกใครๆ ว่ามีการเชิญวิญญาณมาผูกบุญสัมพันธ์ คนทั่วไปเขาไม่ได้มาสัมผัส ไม่ได้มารู้เห็น ไม่ได้มาศึกษา เขาก็ต้องหาว่าเราหลงงมงาย อย่างบางคนที่อยูในศาสนาพุทธอย่างเดียว เขาก็ทำตามแต่คำสอนในพุทธศาสนา เขาจะไม่เคยเห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เขาจะไม่เชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งมาผูกบุญสัมพันธิ์อย่างนี้ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องรู้ว่ายุคกาลมันต่างกันไปแล้ว ในยุคนี้เบื้องบนต้องการปรกโปรดฉุดช่วยอย่างแท้จริง สิ่งที่เขาไม่เคยเห็นเขาจะได้เห็นในยุคนี้ พวกเราก็เหมือนกัน เราไม่เคยเห็นมาก่อน แต่บัดนี้เราได้มาเห็นได้มาประจักษ์แก่ตา แก่หู แก่จิตใจของเราเองแล้ว ดังนั้นการมาผูกบุญสัมพันธ์นี้เพื่อที่จะแสดงว่าจิตญาณนั้นไม่ได้ดับสูญ และสามารถที่จะกลับคืนสู่เบื้องบนด้วย นั่นคือต้นกำเนิดของเรา ถ้าเราอยู่ในศาสนาอย่างเดียว เราไม่รู้ต้นกำเนิด เรารู้แต่ว่าทำดีก็ได้ดี รักษาศีล เราก็ไปได้แต่ภพภูมิที่สูงกว่าเท่านั้น แต่ตอนนี้ชัดเจนเลยว่าเรามีที่มาและก็มีที่ไป มีพระโองการบัชาจากเบื้องบนอย่างแท้จริง เทียนมิ่งเป็นของจริง และเมื่อพระแม่องค์ธรรมได้โปรดประทานให้แก่ผู้ใดเป็นผู้รับเอาไว้ และได้สืบทอดต่อไปอีกก็เป็นสิ่งที่แท้จริง บัดนี้คือท่านเฉียนเหยินของเรา ทั่วโลกมีอยู่พระองค์เดียวคือทานเยนเหยินของเราที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระ แม่องค์ธรรมโดยตรงแต่เพียงผู้เดียว เราทุกคนควรที่จะภูมิใจ สายธรรมอื่นๆ นั้นน่าสงสารเฉียนเหยินไม่มีแล้ว เมื่อเฉียนเหยินไม่มีแล้ว จะสืบทอดพระโองการสวรรค์แต่งตั้งเตี่ยนฉวนซือต่อไปย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะเบื้องบนไม่โปรดอนุญาติ เมื่อไปทำเข้าก็ผิดและไม่ได้ผล แม้จะดูเหมือนได้ผงเมื่อตอนอยู่บนโลก แต่แท้จริงเมื่อตอนกลับไปเบื้องบนก็ม่ใช่ เพราะฉะนั้นเราทุกคนภูมิใจที่ว่า เรายังมีท่านเฉียนเหยินอยู่ ซึ่งในโอวาทหวงเตี่ยนฉวนซือก็มีพูดถึงท่านเฉียนเหยินอยู่หลายตอน เราก็คงจะสัมผัสได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับว่าเป็นขวัญกำลังใจ ใเราทั้งหลายอยากจะปฏิบัติบำเพ็ญต่อไป เพราะเราไม่รู้เลยว่าวันใดที่จะทิ้งกายสังขาร บางคนบำเพ็ญได้ 5-10 ปี แต่จะช้าไปหรือเร็วนั้นไม่สำคัญ สำคัญที่มีชีวิตอยู่นี้เราได้ทำดีแล้วเพียงใด แล้วเรามั่นใจไหมว่าเมื่อทิ้งกายสังขารแล้ว เราได้รับมรรคผลนี้ อริยมรรคนี้ อริยฐานะนี้ นี่มิใช่กิเลส มิใช่สิ่งที่ไขว่คว้าว่าเราจะต้องได้มา แต่เป็นผลอัตโนมัติ เมื่อเราทำสิ่งใดลงไป ก็ย่อมได้รับผลนั้นเป็นสิเงตอบแทน เราตั้งใจปฏิบัติบำเพ็ญ มรรคผลที่เบื้องบนประทานให้ย่อมเป็นของแน่นอนอยู่แล้วที่เราสมควรจะได้รับ ไม่ใช่เรื่องที่เราทำเพื่อต้องการจะไขว่คว้า
เพราะฉะนั้นเกือบสองชั่ว มงที่หวงเตี่ยนฉวนซือหรือกว่องทงต้าเซียนได้โปรดประทับมาที่นี่ เป็นเวลาระทึกใจอย่างยิ่งสำหรับคนที่ฟังออก แต่คนที่ฟังไม่ออกก็น่าจะระทึกใจ เพราะไม่รู้ว่าท่านพูดอะไรและอยากรู้เป็นที่สุด บัดนี้ก็ได้คัดลอกจากเจิงเตี่ยนฉวนซือเขียนตามที่บอกมาซึ่งมิใช่ของง่ายเลย เพราะฟังจากเสียงนั้นอาจจะชัดบ้างไม่ชัดบ้าง เราไม่รู้เลย แต่ว่าญาณสัมผัสจะต้องสูงมาก จึงจะสามารถเขียนถ้อยคำนั้นออกมาให้ถูกต้องได้ และต้องเขียนอย่างรวดเร็วมาก ตอนนี้ได้เรียบเรียงออกมาเรียบร้อยแล้ว ทั้งสามท่านคือเจิงเตี่ยนฉวนซือและซันไฉอีกสองท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทียนไฉที่ต้องยืนหลับตาแล้วใช้พู่กันเขียนนั้นต้องยืน นิ่งอยู่กับที่ ไม่ขยับเท้าเลยเกือบสองชั่วโมง ถ้าเป็นเราก็คงจะยาก เเต่เป็นเพราะทิพยญาณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้ทั้งสามท่านยืนหยัดได้ อย่างมั่นคง

2. แปลความโอวาทผูกบุญสัมพันธ์ของ กว่องทงต้าเซียน
พุทธศักราช 2546 ปีมะแม เดือนเก้า 15 ค่ำ
ณ พุทธสถานฉงเต๋อฝอเอวี้ยน
อาณาจักรธรรมฟาอีฉงเต๋อประเทศไทย
เตี่ยนฉวนซือทั้งหมดพร้อมด้วยญาติธรรม
ผู้วายชนม์หวงเต๋ออวี้เตี่ยนฉวนซือมาผูกบุญสัมพันธ์

ปัจฉิมบท
เกี่ยวกับการมาผูกบุญสัมพันธ์
อาจารย์หวง (เต๋ออวี้) เตี่ยนฉวนซือ
เมตตาโดย หง (ชิวเหมย) เตี่ยนฉวนซือ



เมื่อ ฟังคำอธิบายโอวาทภาคภาษาไทยจากฟังเตี่ยนฉวนซือไปแล้ว ทุกคนยิ่งจะต้องชัดเจนและจะต้องเห็นชัดในหลักฐานที่ว่า คนตายไปแล้วจิตวิญญาณม่สูญสลาย และเมื่อเพิ่มการปฏิบัติบำเพ็ญสร้างบุญบรรลุปณิธาน ก็จพ้นเวียนว่ายตายเกิดกลับคืนสู่เบื้องบนได้ ซึ่งประจักษณ์หลักฐานนี้ยิ่งจะทำให้พวกเราทั้งหลายมีความเชื่อมั่นยิ่งทำให้ เรามีขวัญวิญญาณในการบำเพ็ญมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าเราจะเป็นสามัญชนคนธรรมดาหรือรวยล้นฟ้า หากตายไป ไม่ว่าจะใช้เงินทองมากมายสักเท่าไรก็ไม่อาจเรียกวิญญาณให้กลับมาคุยกับครอบ ครัวได้อีก นอกจากจะเป็น เต่เจิน-หลี่เจิน-เทียนมิ่งเจิน เท่านั้น มิเช่นนั้นต่อให้ใช้เงินมากเท่าไรก็มิอาจทำได้ เพราะฉะนั้นที่พระอาจารย์หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์พูดไว้ ล้วนแต่พูดไว้ก่อนแล้วเกิดเป็นความจริงตามมาทีหลัง มิเช่นนั้นก็คงจะมีธรรมกิจที่กว้างใหญ่ไพศาลเกิดขึ้นมาอย่างนี้ไม่ได้
ใน ยุคนี้ธรรมะเผยแพร่อย่างกว้างขวาง นับจากปี พ.ศ. 2473 ถึงปัจจุบันนี้ พ.ศ. 2546 ได้ 73 ปี เริ่มต้นจากซือจุน-ซือหมู่ จากนั้นธรรมะก็เผยแพร่อย่างกว้างขวางไปทั่วโลก ถ้าหากไม่ใช่เพราะเทียนมิ่งของทั้งสองพระองค์และไม่มีท่านเหล่าเฉียนเหยิน ท่านเฉียนเหยินทั้งหลายดำเนินธรรมกิจแทน ธรรมะก็คงมิอาจแพร่หลายไปทั่วทุกมุมโลดอย่างนี้ได้ ขนาดจะดูเรายังดูได้ไม่ทั่วเลย ญาติธรรมยิ่งไม่มีทางที่จะรู้จักกันหมด และจะตระเวนไปตามประเทศต่างๆ เหล่านี้เรายังไปด้ไม่ถ้วนทั่ว นี่เป็นหลักฐานที่แสดงให้รู้ว่าดเป็นการปรกโปรดครั้งยิ่งใหญ่ในยุคนี้ ผู้บำเพ็ญปฏิบัติธรรมจริงนั้นอยากที่จะนิรมานกายได้ เพราะเวลามีไม่พอ ดังนั้นวันนี้เราทุกคนโชคดีมากที่ได้เป็นตัวแทน เสมือนแบ่งภาคจากเหล่าซือ ซือหมู่ เหล่าเฉียนเหยิน เฉียนเหยิน และอาวุโสทั้งหลาย เราทั้งหลายเป็นเสมือนร่างแทนท่านเหล่านั้นในการไปฉุดช่วยผู้คนจึงมีวันนี้ ที่ธรรมะปรกโปรดสามโลกอย่างกว้างขวาง นี่เป็นเรื่องที่เราจะต้องจารึกไว้ในใจ กลับไปแล้วจะต้องเพียรพยายามให้ดี เพิ่มพูนความแกร่งกล้าในการศึกษาบำเพ็ญธรรม ศึกษาพระธรรมคัมภีร์ให้มากขึ้น ต้องเตรียมการล่วงหน้าสำหรับตัวเองที่จะดำเนินการแทนฟ้าเบื้องบน เพราะไม่เพียงแต่ในเมืองไทยของเราเท่านั้น ที่ฮ่องกงก็มีคนไทยรับธรรมะและปฏิบัติบำเพ็ญกันมากมาย ที่เกาหลีก็มีคนไทยปฏิบัติบำเพ็ญที่นั่นอีกมากมาย แล้วมีคนไทยที่ไปอเมริกาปฏิบัติบำเพ็ญอยู่ที่นั่นกันอีกเท่าไร เรารู้ไหม ที่ไต้หวันยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ดังนั้นเราจะไม่จำกัดตัวเองอยู่ในประเทศไทย เมื่อเราอยากจะให้โลกนี้เป็นเอกภาพ มีทางเดียวคือ ต้องทำงานธรรมะโดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติและสัญชาติ ไปถึงที่ไหนก็ฉุดช่วยผู้คนที่นั่น ไปทุกประเทศประทั่วโลกเลย ทุกคนในโลกนี้จะได้เป็นหลานศิษย์ของเหลาจู่ซือ เป็นลูกศิษย์ของซือจึน ซือหมู่ แล้วเราจะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันไปโดยปริยาย แล้วจะมีอะไรเรียกว่าแบ่งแยกอีกล่ะ ดังนั้นอาศัยเจตนารมณ์ของฟ้าเบื้องบน อาศัยจิตใจอันกว้างใหญ่พศาลดุจดั่งฟ้า เราจะเป็นแทนจิตใจของซือจุน ซือหมู่ ช่วยให้จิตใจของท่านเหล่าเฉียนเหยิน เฉียนเหยินได้สัมฤทธิ์ผล สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็จะคอยอุ้มชูเราคอยช่วยเหลือเราอยู่เรื่อยๆ อะไรที่เราทำไม่ได้ฟ้าเบื้องบนก็จะช่วยเหลือเรา เเราก็จะทำได้ในที่สุด นี่คือคุณวเศษที่สูงส่งของธรรมะที่ทำให้เราได้เห็นถึงความน่าเกรงขามของ เทียนมิ่ง
วันนี้เมื่อได้ผ่านโอกาสนี้แล้ว เราไกด้เห็นกับตาตัวเอง ได้เห็นหวงเตี่ยนฉวนซือมาพูดจากับเรา ยิ่งทำให้เราได้เกิดจิตสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของเบื้องบน พระคุณของพระบรรพาจารย์ และยิ่งให้เราได้เห็นถึงความเล็กกระจ้อยร่อยของตัวเราเอง แต่กสามารถมีโอกาสดีเช่นนี้ได้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะธรรมะ ไม่ใช่ท่านเฉียนเหยินทั้งหลาย ไม่ใช่อิ๋นเป่าซือทั้งหลายนำพาเรามา เราจะมีวันนี้หรือเมื่อคิดถึงจุดนี้ แม้เราจะเสียสละชีวิตให้ก็ยากที่จะทดแทนคุณก็มีแต่สำนึกพระคุณ จดจำใส้ใจไว้ทุกขณะจิต เมื่อเราได้เห็นขวัญวิญญาณที่มีชีวิตจิตใจของท่านเฉียนเหยินแล้ว เราจะเร่งรัดตัวเองตลอดเวลาแม้อยากจะพักเพียงใดก็มิกล้าที่จะพักเลย
ท่าน เหล่าเฉียนเหยินเดินทางมาแพร่ธรรมที่ไต้หวันเมื่ออายุ 48 ปี จนกระทั่งอายุ 95 ปี โดยมิได้หยุดพักเลยแม้แต่วันเดียว ทุกขณะจิตท่านจะนึกถึงแต่เหล่าซือ ซือหมู่ ทุกขณะจิตจะนึกถึงภาระแพร่ธรรมของเหล่าซือ ซือหมู่ ยามพบเจออุปสรรค ความลำบาก การใส่ร้ายป้ายสี ท่านก็จะฝ่าฟันผ่านไปจนได้ หงเตี่ยนฉวนซือติดตามอยู่ข้างกายท่าย ตอนนั้นยังเยาว์วัย เห็นท่านแหงนหน้ามองฟ้าโดยปราศจากถ้อยคำใดๆ ปริออกจากปากแม้แต่คำเดียว ท่านมองฟ้าแล้วก็เอาแต่ถอนใจ เป็นภาพที่ยังจำติดตา ทำให้เข้าใจจิตใจและเกิดความผูกพันธ์กับท่านมาตั้งแต่ยังเยาว์ และนั้นก็คือการปลูกฝังความมั่นคงในธรรมะด้วยความพากเพียรพยายาม เตี่ยนฉวนซือทัเงหลายที่ได้ใกล้ชิดท่าน ต่างก็ไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง ทุกวันเวลาล้วนทุ่มเทเพื่องานธรรม เราล้วนแต่เดินอยู่บนหนทางเช่นนีเมาโดยตลอด จึงหวังให้ทุกคนเพียรพยายามเพื่อธรรมกิจในประเทศทย เราจะไม่เสียดายอะไรเลย เพื่อให้เบื้องบนได้รับรู้ เพื่อให้ผูคนได้ซาบซึ้ง และเราจะสร้างโอกาสใหม่อันวิเศษ เมื่อท่านเฉียนเหยินเดินทางมาเมืองไทยในปีหน้า นั่นแหละจึงจเป็นการแสดงความคิดถึงและขอบพระคุณท่านเฉียนเหยินอย่างแท้จริง และท่านก็จะได้รับการปลอบขวัญจากเราจริงๆ ปีหน้าเมื่อท่านเฉียนเหยินมาเมืองทยเราก็เติบโตขึ้นอีกหนึ่งปี ท่านเคยบอกเอาไว้ว่า แม้ว่าท่านจะอายุ 100 ปี ท่านก็ยังจะเดินทางไปทั่วโลกเพื่อปรกโปรดคน ทุกคืนดึกดื่นค่อนคืนก็ไม่อยากเข้านอน วางแผนอยู่ว่าจะไปฉุดช่วยคนอย่างไร จะไปส่งเสริมคนด้วยหัวข้ออะไร การวางแผนฉุดช่วยคนล้วนแต่ช่วยผลักดันงานธรรมะ เตี่ยนฉวนซือที่อยู่ใกล้ชิดท่านเห็นแล้วสะเทือนใจมาก สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ล้วนมิด้โป้ปด และมิได้เกินเลยจากความเป็นจริงทั้งสิ้น
วันี้ที่ไต้หวันมีผู้คน 650 ท่าน กำลังสอบจอหงวนกันนั่นคือศูนย์กลางธรรมกิจของไต้หวัน และศูนย์กลางธรรมกิจโลกได้ร่วมกันจัดขึ้น ส่วนวันพรุ่งนี้จะมีแต่ญาติธรรมของสายฟาอีฉงเต๋อของเรา 700-800 ท่าน ที่จะเข้าสอบจอหงวนทางธรรมกัน และวันมะรืนนี้ก็จะเป็นการสอบปัญญาทางธรรมของจอหงวนรุ่นเยาว์ สำหรับตารางการส่งเสริมเหล่านี้ ท่านเฉียนเหยินได้โปรดจัดเตรียมไปจนถึงปีหน้าแล้ว ฉะนั้นชีวิตของเราจะไม่มีการวางแผนไม่ได้ เราจะต้องศึกษาความมีชีวิตชีวาของท่านเฉียนเหยิน พยายามสร้างความผาสุกให้แก่มวลมนุษย์ เช่นนี้แล้วชีวิตของเราจึงจะมีคุณค่า
ด้วย เวลาไม่พอ อากาศก็ร้อน อีกทั้งแอร์ก็ไม่เย็น เราก็ผูกบุญสัมพันธ์กันด้วยเวลาเพียงเท่านี้ อย่าลืมคำสั่งเสียของหวงเตี่ยนฉวนซือที่ได้กล่าวเอาไว้ และถ้าหากบุคคลในครอบครัวของท่านปฏิบัติบำเพ็ญต่อไป อริยฐานะของท่านยังจะสูงขึ้นไปอีก มิใช่เป็นแค่ต้าเซียน จึงอยากจะให้ส่งเสริมผู้คนให้มีความวิริยะอุตสาหะให้มากไว้

ถึงแม้ว่าท่านจะจากไปนานแล้วก็ตาม
แต่ในใจนั้น...พวกเรามีเคยลืมท่านเลย...ท่านอยู่ในใจเราเสมอ

No comments:

Post a Comment