พระโอวาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์
พระโอวาทสงฆ์จี้กงวิปลาส
ประทานไว้เนื่องในโอกาสประชุมธรรม 2 วัน ณ ไท่จง (บางแค) จ.กรุงเทพ
วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2551
สาธุชนกราบขอประทานพระโอวาทชี้แนะ
พระโอวาทสงฆ์จี้กงวิปลาส
ประทานไว้เนื่องในโอกาสประชุมธรรม 2 วัน ณ ไท่จง (บางแค) จ.กรุงเทพ
วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2551
สาธุชนกราบขอประทานพระโอวาทชี้แนะ
กลางคิฌชกูฎอาสวักขยญาณ | กลางโลกีย์ปหานปธานหนา |
กลางดวงจิตสามุกกังสิกา | กลางนัยน์ตาศิษย์วิจักษณ์แท้ญาณเดิม |
เราคือ | |
สงฆ์จี้กงวิปลาส | รับบัญชาจาก |
พระอนุตตรธรรมมารดา | ลงสู่พุทธสถาน น้อมกายเคียมคัล |
องค์ชคัตตรยาพดง | ถามศิษย์รักทุกคน สุขสบายดีไหม |
น้อมจิตสงบตั้งใจฟัง | |
ฮา ฮา |
บำเพ็ญธรรมะมั่นคงอย่าถอย อาจารย์เรียงร้อยจิตใจเจ้าศานต์
สูงด้วยใจศรัทธาเมตตาผู้หลงทันกาล เบิกทางธรรมถากถางผ่านผันทุกข์สุข
บำเพ็ญธรรมะด้วยใจอ่อนน้อม ยินดีและพร้อมกล่อมเกลาฝึกฝน
แม้นสอบกรำย้ำเตือน ศรัทธามุ่งมั่นตน ร่วงหล่นถอยมีเพียงวกวนหนาศิษย์
* เชื่อมั่นศิษย์รัก ก้าวไปบนหนทางธรรม
ก้าวได้มั่นคง เคี่ยวกรำเท่าใดไม่ยึดติด
บำเพ็ญยุคปลาย ที่หมายเจ้าคืนนิพพานหลุดพ้นกรรม
ท่ามกลางทะเลทุกข์ ที่เวียนว่ายภพภูมิ
ดำเนินธรรมะช่วยคนหลับหลง ใฝ่ธรรมประสงค์จิตญาณล่วงพ้น
มิกลัวคลื่นลมแรง ศิษย์รักก้าวผจญ ตระหนักตนอุทิศไม่เคยสูญเปล่า
(ซ้ำ *)
สูงด้วยใจศรัทธาเมตตาผู้หลงทันกาล เบิกทางธรรมถากถางผ่านผันทุกข์สุข
บำเพ็ญธรรมะด้วยใจอ่อนน้อม ยินดีและพร้อมกล่อมเกลาฝึกฝน
แม้นสอบกรำย้ำเตือน ศรัทธามุ่งมั่นตน ร่วงหล่นถอยมีเพียงวกวนหนาศิษย์
* เชื่อมั่นศิษย์รัก ก้าวไปบนหนทางธรรม
ก้าวได้มั่นคง เคี่ยวกรำเท่าใดไม่ยึดติด
บำเพ็ญยุคปลาย ที่หมายเจ้าคืนนิพพานหลุดพ้นกรรม
ท่ามกลางทะเลทุกข์ ที่เวียนว่ายภพภูมิ
ดำเนินธรรมะช่วยคนหลับหลง ใฝ่ธรรมประสงค์จิตญาณล่วงพ้น
มิกลัวคลื่นลมแรง ศิษย์รักก้าวผจญ ตระหนักตนอุทิศไม่เคยสูญเปล่า
(ซ้ำ *)
บทเพลงทำนอง : ใช่ฉันหรือเปล่า
ความผาสุกได้จากการบำเพ็ญธรรม
ชำระจิตใจผ่องแผ้วตนกระจ่างแจ้งถึงที่สุดแห่งสัจธรรม
ความผาสุกได้จากการบำเพ็ญธรรม
ทุกขณะตนรู้ยกระดับจิตก้าวหน้าบริสุทธิ์
ความผาสุกได้จากการบำเพ็ญธรรม
ภายในสงบ ภายนอกตนปฏิบัติธรรมเต็มเปี่ยม
ความผาสุกได้จากการบำเพ็ญธรรม
เจริญเติบโตท่ามโลกีย์ ตนคือผู้รู้ตื่นแจ้ง
ความผาสุกได้จากการเผชิญอุปสรรครอบกาย
ตนรู้สำนึกคุณ
ความผาสุกได้จากการบำเพ็ญธรรม
เจริญปณิธานด้วยเมตตาจิต
ความผาสุกได้จากการบำเพ็ญธรรม
ศรัทธาจริง ดำเนินจริง ตนมิยึดหมายในการอุทิศทุ่มเท
ชำระจิตใจผ่องแผ้วตนกระจ่างแจ้งถึงที่สุดแห่งสัจธรรม
ความผาสุกได้จากการบำเพ็ญธรรม
ทุกขณะตนรู้ยกระดับจิตก้าวหน้าบริสุทธิ์
ความผาสุกได้จากการบำเพ็ญธรรม
ภายในสงบ ภายนอกตนปฏิบัติธรรมเต็มเปี่ยม
ความผาสุกได้จากการบำเพ็ญธรรม
เจริญเติบโตท่ามโลกีย์ ตนคือผู้รู้ตื่นแจ้ง
ความผาสุกได้จากการเผชิญอุปสรรครอบกาย
ตนรู้สำนึกคุณ
ความผาสุกได้จากการบำเพ็ญธรรม
เจริญปณิธานด้วยเมตตาจิต
ความผาสุกได้จากการบำเพ็ญธรรม
ศรัทธาจริง ดำเนินจริง ตนมิยึดหมายในการอุทิศทุ่มเท
( เข้าใจไหม )
ศิษย์สงบจิตใจแล้วนั่งลง
ศิษย์รักเอ๋ย...ศิษย์รักเอ๋ย...ศิษย์รักเอ๋ย...
เจ้า ทั้งหลายขับกล่อมบทเพลงที่คุ้นเคย และตั้งใจที่จะถ่ายทอดหลักธรรมจริง พร้อมมุ่งมั่น เป็นสะพานบุญ เชื่อมระหว่างอนุตตรธรรมและเวไนย จะต้องรู้การปฏิบัติบำเพ็ญธรรมได้ชัดเจน และเข้าใจอย่างถ่องแท้ การนำพาชนทั้งหลายเข้าสู่ประตูแห่งพุทธะ อาจารย์ทราบดีว่า ศิษย์รักนั้นพบการทดสอบมากมาย แต่ด้วยพลานุภาพแห่งพลังศรัทธา ฟ้าบันดาลเบิกทางให้ราบรื่น และการประชุมธรรมครั้งนี้จุดประสงค์เพื่อฟื้นฟูจิตอริยะ ใจเวไนยของเจ้าจงพินิจในหลักธรรม การที่จะศึกษาธรรมะ บำเพ็ญธรรมะ ปฏิบัติธรรม ก่อนอื่นต้องถามใจตนเองพร้อมแล้วหรือยัง ขอเพียงเจ้าหมั่นทบทวนในหลักธรรมที่ได้สดับ จะรู้ว่าค่าอนันต์แค่ไหน ความวิเศษแห่งธรรมะสัมผัสได้จากเจตนาบริสุทธิ์ ด้วยเหตุว่าธรรมะไร้รูปลักษณ์ ดั่งจิตญาณไร้รูปนาม การที่จะสัมผัสเข้าถึง ต้องพากเพียร การพากเพียรนั้นเริ่มจากตนก่อนอื่นใด หากเรามองในภาวะวิสัยจะสามารถค้นพบความจริงของชีวิต แต่ปัจจุบันชีวิตคนทั้งหลายเร่งรีบ เวลาบีบรัด จึงห่างไกลจากหลักความจริง นั่นคือธรรมะ แต่วันนี้ศิษย์ทั้งหลายจะเปลี่ยนชะตาตนเองใหม่ ต้องเริ่มจากก้าวแรกในศรัทธาต่อธรรมะ เบิกดวงตาเห็นธรรมะอย่างพระสัมมาสัมโพธิญาณ ให้ศิษย์นั้นได้สัมผัสถึงแดนอันวิสุทธิ์แห่งพุทธะเดิม
( เข้าใจไหม )
จิตใจเมื่อบำเพ็ญธรรม ต้องยึดหลักธรรม
ดำรงความยุติธรรมด้วยความเคารพนบนอบ จึงไม่เห็นแก่ตัว
จิตใจเมื่อบำเพ็ญธรรม ต้องซื่อสัตย์ สมถะ เรียบง่าย
ด้วยพลานุภาพปัญญาธรรมสว่าง จึงไม่มิจฉาศาสตร์
จิตใจเมื่อบำเพ็ญธรรม ต้องรักษาพลังธรรมหนักแน่น
ด้วยความเที่ยงตรง จึงไม่ประพฤติเอนเอียงนอกรีต
จิตใจเมื่อบำเพ็ญธรรม ต้องเชื่อมั่นสัจธรรมจริง
ด้วยปัญญาพินิจ จึงไม่หวาดกลัวยึดมั่นถือมั่นในรูปขันธ์
จิตใจเมื่อบำเพ็ญธรรม พระอุระกว้างใหญ่
ด้วยธรรมล้ำเลิศ จึงไม่หยุดยั้งในการฉุดช่วยเวไนย
จิตใจเมื่อบำเพ็ญธรรม ต้องศรัทธาจริง
ด้วยมหาเมตตา จึงไม่จำกัดในการบุกเบิกเผยแผ่ธรรม
จิตใจเมื่อบำเพ็ญธรรม ต้องมีพรหมวิหารสี่
ด้วยมหาปณิธาน จึงไม่สิ้นสุดพลังมุ่งมั่น เจริญรอยตามอริยา
ดำรงความยุติธรรมด้วยความเคารพนบนอบ จึงไม่เห็นแก่ตัว
จิตใจเมื่อบำเพ็ญธรรม ต้องซื่อสัตย์ สมถะ เรียบง่าย
ด้วยพลานุภาพปัญญาธรรมสว่าง จึงไม่มิจฉาศาสตร์
จิตใจเมื่อบำเพ็ญธรรม ต้องรักษาพลังธรรมหนักแน่น
ด้วยความเที่ยงตรง จึงไม่ประพฤติเอนเอียงนอกรีต
จิตใจเมื่อบำเพ็ญธรรม ต้องเชื่อมั่นสัจธรรมจริง
ด้วยปัญญาพินิจ จึงไม่หวาดกลัวยึดมั่นถือมั่นในรูปขันธ์
จิตใจเมื่อบำเพ็ญธรรม พระอุระกว้างใหญ่
ด้วยธรรมล้ำเลิศ จึงไม่หยุดยั้งในการฉุดช่วยเวไนย
จิตใจเมื่อบำเพ็ญธรรม ต้องศรัทธาจริง
ด้วยมหาเมตตา จึงไม่จำกัดในการบุกเบิกเผยแผ่ธรรม
จิตใจเมื่อบำเพ็ญธรรม ต้องมีพรหมวิหารสี่
ด้วยมหาปณิธาน จึงไม่สิ้นสุดพลังมุ่งมั่น เจริญรอยตามอริยา
( เข้าใจไหม )
ศิษย์รักเอ๋ย...ศิษย์รักเอ๋ย...
ผู้ ที่นั่งอยู่ข้างหลังเป็นอย่างไรบ้าง (สบายดีครับ/ค่ะ) สุขสบายดีไหม(สบายดีครับ/ค่ะ) บำเพ็ญธรรมะในยุคขาว เจ้าทั้งหลายได้ค้นพบความวิเศษแห่งไตรรัตน์แล้วหรือยัง อาจารย์ถ่ายทอดมอบคัมภีร์แห่งจิตหวังว่าเจ้าจะหมั่นทบทวน หมั่นย้อนมองส่องตนเอง ทุกทุกปีที่กาลเวลาได้ผ่านผัน ต้นไม้ใหญ่ที่เป็นร่มโพธิ์บัดนี้ได้ลับหาย คงเหลือไว้เพียงความคิดถึง แต่ดวงญาณยังหนุนนำธรรมกิจให้คงสืบต่อไปอย่างรุ่งโรจน์ ในทุกทุกปีตะแกรงฟ้าได้ร่อนผู้บำเพ็ญธรรมห่างจากอุราของอาจารย์มากมายเท่าใด ในทุกทุกคลื่นลมฝนบนโลกีย์ ที่เป็นดุจเตาหลอม ได้เคี่ยวกรำและเจียระไนเพชรเม็ดงาม คือศิษย์รักของอาจารย์ในทุกวันนี้ จากนี้ไปความผูกพันยิ่งมายิ่งแน่นเหนียว เพราะอาจารย์กล่าวเสมอว่า ศิษย์รักอาจารย์ดุจพ่อลูกพันผูกด้วยความห่วงใย จึงมิอาจลาลับหาย คงยังแสดงบุญญานุภาพให้ศิษย์รักได้ประจักษ์จริง จากวันนี้ จงตั้งใจเจริญรอยตาม อย่างผู้ว่านอนสอนง่าย อัตตาทิฐิ ละชะล้างให้กิเลสได้เบาบาง ก็จะพบดาบแห่งปัญญาธรรม
( เข้าใจไหม )
ศิษย์รักเอ๋ย...ศิษย์รักเอ๋ย...
อาจารย์ ต้องอำลาจากเจ้าทั้งหลาย อย่ากลัว ฟ้าเบื้องบนและสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยเคียงข้างในการบำเพ็ญอยู่เสมอ อาจารย์หวังว่า สิ่งที่ศิษย์รักปฏิบัติธรรม ดำเนินธรรม ขอจงมีความเที่ยงตรง และยิ่งกว่านั้นมีสติ มีสมาธิและมีปัญญา มีความกล้าหาญ ด้วยความห่วงใย จึงหวังศิษย์จะปฏิบัติกันได้อย่างดีงาม พร้อมทั้งรักษาความเข้มข้นในจิตศรัทธานี้ มุ่งมั่นบุกเบิกได้อย่างงดงาม
กราบลา
ฮา ฮา ถอย
หมายเหตุ
1. | อาสวักขยญาณ | = ความรู้เป็นเหตุสิ้นอาสวะ |
2. | ปหานปธาน | = เพียรละบาปที่เกิดขึ้นแล้ว |
3. | สามุกกังสิกา | = แปลตามอรรถกถาว่า พระธรรมเทศนาที่พระพุทธเจ้าทรงยกขึ้นถือเอาเอง คือ ทรงเห็นด้วยพระสยัมภูญาณ (ตรัสรู้เอง) ได้แก่อริยสัจจเทศนา, ตามแบบเรียน แปลว่า ธรรมเทศนาที่พระพุทธเจ้าทรงยกขึ้นแสดงเอง คือไม่ต้องปรารภคำถามเป็นต้นของผู้ฟัง ได้แก่เทศนาเรื่องอริยสัจ |
4. | วิจักษณ์ | = ที่รู้แจ้ง, ที่เห็นแจ้ง |
No comments:
Post a Comment