Sunday

ภัยพิบัติ

คำนำ

ปัจจุบัน เภทภัยเกิดขึ้นทั่วทุกหัวระแหง ยิ่งมายิ่งรุนแรงเป็นทวีคุณและไม่สามารถคาดคะเน ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้เมื่อภัยพิบัติมาถึงย่อมนำความหายนะแก่ชีวิตและ ทรัพย์สินอย่างมหาศาล

คน จำนวนไม่น้อยที่ไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นของมหันตภัย จึงได้กล่าวโทษต่างๆนานาไปตามความรู้สึกนึกคิด เหล่านี้ล้วนเพิ่มบาปให้กับตนเองโดยไม่รู้ตัว ส่วนผู้ที่เข้าใจย่อมรู้ในความจริงที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดีว่าเภทภัยเหล่า นั้นมีต้นสายปลายเหตุมาจากอะไร ใครเป็นผู้บงการให้เกิดขึ้นและจะหาทางรอดได้อย่างไร ในขณะที่คนจำนวนมากกำลังต่อสู้หาทางแก้ไขที่ปลายเหตุซึ่งเป็นทางตันเกิน วิสัยที่จะยับยั้งได้

เรื่องราวเหล่านี้มีเพียงสิ่งศักดิ์สิทธิ์พุทธะอริยะเจ้าเท่านั้นที่จะเป็นผู้ไขความกระจ่างดังปรากฏในหนังสือเล่มนี้

ขอน้อมกราบอัญเชิญพระโอวาท

พระอนุตตรธรรมมารดาเจ้าสิบบัญญัติ

ที่เกี่ยวกับกาลนี้เพื่อส่งเสริมแก่กัน

_____________________

พระอนุตตรธรรมมารดาเจ้าสิบบัญญัตินำบทข้อที่ห้า

ชะตาฟ้าดำเนินถึงปลายยุค

เภทภัยทุกข์ลำบากทั่วหัวระแหง

เก้าเก้าภัยใครรอดพ้นความรุนแรง

ธรรมนาวาแล่นช่วยชาวโลกโดยทั่วกัน

  • ขอเตือนลูกพุทธบุตรเดิมน้อมบำเพ็ญ

รู้กำหนดเกณฑ์เจตนาฟ้าเป็นปราชญ์ได้

กัปสุดท้ายเกิดคู่กันธรรมกับภัย

เปลี่ยนหญิงชายทั้งฟ้าดินสิ้นยุคกาล

  • หากบัดนี้ไม่มีภัยลงเก็บกวาด

จะไม่เหลือปราชญ์สักคนเห็นเป็นแก่นสาร

จึงให้เกิดน้ำลมไฟมารอนราญ

แปดภัยผลาญพร้อมทำลายภัยสงคราม

  • กำหนดเก้าเก้าแปดสิบเอ็ดภัยกระจาย

ส่งรากษสพญามารห้ามาก่อเรื่อง

หมื่นพันวิธีเก็บคนชั่วอยู่เนืองเนือง

ดินฟ้าเสื่อมครบกำหนดหมดสิ้นชะตากาล

  • อีกเพราะเหตุคนก่อกรรมคร่ำอาฆาต

ถึงโอกาสสงบบัญชีหกหมื่นปีแล้ว

หยกกับหินชั่วกับดีถึงทีแบ่งแนว

แม่เห็นแล้วเลือดน้ำตาพาพรั่งพรู

  • ประตูนรกเปิดปลดปล่อยผีทวงหนี้ชีวิต

มืดสนิทน่าสะท้านวิญญาณวาบวูบ

ใช้หนี้เคยทำเวรกรรมเงินทองเคยจองผูกพัน

โลกจะถูกสูบด้วยลมมหันต์ถอนรากถอนโคน

  • ชำระหนี้ทั้งสามโลกเปลี่ยนแกนกลาง

แม้กายร่างจะแกร่งเป็นเช่นเหล็กไหล

ไม่พ้นไฟประลัยกัลป์รอดไปได้

กำหนดภัยแม่สั่งความแต่น้ำตาเป็นเลือดนอง

  • ตายเจ็ดส่วนอีกสามส่วนทุกข์มหันต์

กระดูกถมกันเลือดท่วมใหญ่เป็นสายน้ำ

ลืมหลักอริยะโลกีย์จิตคิดใฝ่ต่ำ

เก้าเก้าจะนำมหันต์ภัยนรกหมกเศษวิญญาณ

  • อยากจะรอดภัยทุกข์เข็ญเร่งสร้างบุญ

พระจะหนุนให้ลูกสำราญตามบัญชาแม่

คนตื่นใจตามแม่กลับนิพพานแท้

ไม่ตื่นแน่เจอพิบัติภัยขังในโลกันตร์

  • มิอดใจทำลายหยกหมกกับหิน

จึงตัดสินหย่อนสายทองล่องเรือกู้

ทุกหนทางหมื่นพันสายไม่ชุบชู

ชีวิตอยู่หนทางเดียวคือ ขอรับวิถีธรรมฯ

หวังว่าพุทธบุตรจะทำจริงใจให้รู้แจ้งในญาณตน

แล้วจงพากันคืนกลับยังดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์

ตื่นตัวได้รีบเพียรกลับบ้านนิพพาน

Tsunami

พระวจนะของสิ่งศักดิ์สิทธิ์

กล่าวก่อนแล้วจึงเกิดประจักษ์ภายหลัง

ย้อน หลังไป 7 ปีก่อนเมื่อปีพ.ศ. 2541 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เมตตาประทานพระโอวาทเปิดเผยความลับสวรรค์ถึงภัยพิบัติ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในครั้งนั้น

พระโอวาทพระพุทธจี้กง

เวลา บำเพ็ญธรรมเหลือเพียง 2 ปีเท่านั้น ทุกๆคนก็จะได้เห็น 7749 หากได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับตาก็ทำให้กินข้าวไม่ลง เวลานอนก็จะเห็นภาพนั้นมาหลอกหลอน คนที่ยังไม่กินเจก็จะต้องพบกับภัยพิบัติ ผู้บำเพ็ญธรรมหากยังไม่ทานเจก็ยากที่จะหลุดพ้นจากภัยพิบัติ คนที่ไม่ได้กินเจเมื่อภัยมาถึง ร่างกายก็จะเปื่อยเน่าไม่ต่างอะไรกับเนื้อไก่ เนื้อหมู สุดแสนทรมานก่อนตาย

ก่อนหน้านี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์และพุทธอริยะเจ้าได้เมตตา โปรดแสดงพระโอวาทย้ำเตือนเราทั้งหลายด้วยความเป็น ห่วงว่า ให้รีบเร่งปฏิบัติบำเพ็ญ เห็นความสำคัญของกาลเวลา และภัยพิบัติอยู่ใกล้เพียงขนตา

อีก ทั้งยังแสดงบุญญาธิการให้เหล่าผู้บำเพ็ญได้ประจักษ์ จึงสร้างพลังความศรัทธามุ่งมั่นต่อผู้บำเพ็ญมากมาย ต่างกระตือรือร้นกันฉุดช่วยคนรับวิถีธรรม ถือศีลกินเจ สร้างบุญกุศล ปล่อยสัตว์ อีกทั้งยังตั้งปณิธานใหญ่บุกเบิกธรรม ตั้งตำหนักพระน้อยใหญ่กันมากมาย

ด้วย เหตุนี้ จึงทำให้เวลาแห่งภัยพิบัติยืดเยื้อออกไป เวลาผ่านไป... ผ่านไป... ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีผู้บำเพ็ญไม่น้อยที่เกิดความลังเลสงสัยขาดความเชื่อมั่นในการปฏิบัติ บำเพ็ญ บ้างถดถอย บ้างหลุดหายไปจากอาณาจักธรรม ส่วนที่ตั้งตำหนักพระก็ไม่ศรัทธากราบไหว้

อีก ทั้งชาวโลกลุ่มหลง ขาดมโนธรรมสำนึก ไม่ละอายเกรงกลัวต่อบาป กล่าวโทษฟ้าดิน ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ผลกรรมเหล่านี้เป็นพลังแห่งความชั่วร้ายแรงอาฆาตเคียดแค้นถึงเวลาแล้วที่จะ ชำระสะสาง

ตอนนี้โซ่ตรวนกำลังจะปลดปล่อย เลือดที่ไหลมันไม่ใช่ของเราอีกแล้ว

ก่อน หน้าเหตุการณ์ภัยพิบัติสึนามิจะเกิดขึ้น พระอาจารย์ได้เสด็จประทับทิพยญาณเมตตา หลังจากนั้นได้นำวิญญาณของเจ้าหนี้เวรกรรมมาเตือนสติผู้บำเพ็ญธรรม ณ พุทธสถานหมีเล่อฝอเอวี้ยน อ. เมือง จ. ตรัง วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2547 ประชุมธรรมชั้นซิวเต๋อปัน

ศิษย์ รู้หรือไม่ว่า สิ่งที่อยู่ภายนอกนั้นกำลังบอกความวุ่นวาย ไม่ใช่เฉพาะภายนอก แต่ยังมีภายในที่ไม่มั่นคงในธรรมะ ที่เห็นแก่ตัวมากขึ้น ที่ยังคิดว่าความตายยังมาไม่ถึง ฟังแล้วคิดว่าจะเกิดจะตายอย่างไหนดีกว่ากัน ชีวิตทุกชีวิตที่เห็นในปัจจุบันนี้

คนที่บำเพ็ญธรรม นับว่าโชคดีที่สุด

คนที่ตั้งปณิธานทานเจ ยิ่งโชคดีที่สุด

(พระอาจารย์ได้เมตตานำวิญญาณของเจ้ากรรมนายเวรเข้าร่างสามคุณ ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องดังขึ้นอย่างน่าหวาดกลัวและสยดสยอง)

ฮ่า ๆๆ......

พระอาจารย์เมตตา ฮ่าฮ่า มันกำลังจะมา ข้าคือ เจ้าหนี้เวรกรรม กลัวกันหรือเปล่า...

ใคร บ้างที่จะหลบหนี ไม่มีวันจะชนะข้า เรามาดีใช่มาร้าย อยากจะมาบอกว่า ให้รีบๆ หากไม่เร่งรีบแล้ว ไม่มั่นคง ไม่บำเพ็ญ เราจะบอกให้รู้ว่าสิ่งที่ชั่วร้ายมันกำลังจะมา มันกำลังรอ ไม่ใช่เฉพาะเรา รอเวลาอีกไม่นานแล้ว ใครจะรู้ว่ามันเป็นอย่างไร

มันน่ากลัว ฮือๆๆ... น่าสนุกมั้ยล่ะ...ฮ่าๆๆ.... คราวนี้แหละ คราวนี้มันก็จะได้เห็นกับตาว่า ฟ้ามีจริง นรกมีจริง

ตอนนี้โซ่ตรวนกำลังจะปลดปล่อย เลือดที่ไหลมันไม่ใช่ของเราอีกแล้ว ใครไม่มั่นคงคิดไปเลย ยิ่งคิดมากคิดไปเลย เราก็จะมาทันที สนุกจริงๆ เล่นกับพวกเจ้าสนุกยิ่งกว่าเล่นกับใคร...

ทุกๆ วันพวกเจ้าทำอะไร น่าสงสาร น่าสงสารจริงๆ นั่นหรือคือพระพุทธะ ที่พูดว่าเวไนย เวไนยน่าสงสารก็เพราะอย่างนี้นี้เอง ข้าต้องไปแล้ว อีกไม่นานก็ต้องเจอกัน ฮ่าๆๆ

(เสียงหัวเราะอย่างเยาะเย้ยและเสียดแทงความรู้สึกก่อนออกจากร่าง)

ไม่ใช่คำขู่

สาม เดือนต่อมา เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ปลายปี 2547 วันที่ 26 ํธันวาคม เหตุการณ์มหาวิปโยคได้เกิดขึ้นให้เห็นเป็นประจักษ์ต่อสายตาชาวโลกหันตภัย คลื่นยักษ์ สึนามิ ได้ฉุดคร่าชีวิตผู้คนไปไม่น้อยกว่าสามแสนคนในเวลาเพียงไม่กี่นาที เป็นโศกนาฏภัยของเหล่ามวลมนุษย์ชาติที่ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย

บัด นี้ เราทุกคนจึงไม่อาจวางใจลงได้ว่าเมื่อไหร่ มันจะเกิดขึ้นอีกและจะมาในรูปแบบไหน เพราะนี่เป็นแค่เพียงการเปิดฉากของมหันตภัยร้ายเท่านั้น

ความ น่าสะพรึงกลัวกำลังคืบคลานเข้ามารทุกขณะ กาลเวลาชองโลกขณะนี้ภัยเข้ามาถึงนัยน์ตาเราแล้ว เมื่อชีวิตไม่ปลอดภัยเราจะทำอย่างไร และจะมีหนทางใดรอดพ้นจากภัยพิบัติได้.....

tsunami.jpg - 19164 Bytes

พระโอวาทพระพุทธจี้กง

ภัยพิบัติลงสู่โลก

ภัยจากไฟหรือน้ำล้วนเกิดดาษดื่นทุกแห่งหน

ศิษย์ควรที่จะสำรวจตนเอง

กาลเวลาบัดนี้ถึงปลายยุคแล้ว

ออกจากบ้านต้องดูอากาศ

บำเพ็ญธรรมก็ต้องดูกาลเวลา

ครั้งหนึ่ง ณ ประเทศอินโดนีเซีย วันที่ 18 มกราคม ปี พ.ศ. 2541

พระ อาจารย์ได้แสดงบุญญาธิการให้ศิษย์ในชั้นเรียนได้ประจักษ์ โดยให้เห็นภาพปรากฏขึ้นในขณะที่ทุกคนหลับตา นักเรียนคนหนึ่งได้ออกมาเล่าเหตุการณ์ที่มองเห็นด้วยสีหน้าที่ตกใจด้วยน้ำ เสียงที่สั่นเครือว่า

ผู้น้อย มองเห็นทะเลใหญ่มีแต่ความมืด มองเห็นแต่ศีรษะคน ท่อนไม้ ต้นหญ้า ลอยจับเป็นกลุ่มเหนือน้ำ ต่อมาผู้น้อยมองเห็นคลื่นทะเลใหญ่มาก แต่คลื่นนั้นมีแต่โคลน ทุกคนไม่สามารถหลุดรอดออกมาได้ จะเหลือก็เพียงน้ำและดิน

ภัยพิบัติลงมาจี้กงทนเห็นไม่ได้

จึงเปิดเผยความลับสวรรค์

บัดนี้ผู้บำเพ็ญธรรมสมควรทุ่มเท

ออกแรงรีบเร่งปฏิบัติบำเพ็ญธรรม

ศิษย์ทั้งหลายต้องเร่งฝีเท้า

อย่าได้เฉื่อยชาอีกต่อไป

สามารถทำได้เท่าไหร่รีบทำ

ภัยพิบัติมาถึง พวกเราจะปฏิบัติเช่นไร ?

1.คนเราต้องรู้จักสงบ

2.สวดมนต์ท่องคัมภีร์ ในช่วงเราสงบ ความคิดไม่ฟุ้งซ่าน ถึงเวลานั้น เจ้าต้องควบคุมความคิดของเจ้า ควบคุมอารมณ์ของเจ้า

3. พวกเจ้าสมควรรู้อยู่แล้ว (ไตรรัตน์) หากเหลือฉันเพียงคนเดียวแล้วจะทำอย่างไร? ฉะนั้น ให้พวกเจ้าเอาสามสิ่งนี้ จดจำไว้ในใจให้ดี เข้าใจหรือไม่

บำเพ็ญธรรมสามารถหลุดพ้นจากภัยพิบัติได้ไหม?

พระอาจารย์เมตตา:

ต้องตั้งใจสร้างบุญกุศลอย่างแท้จริง บำเพ็ญตามหลักสัจธรรม บำเพ็ญธรรมไม่ยึดติดรูปลักษณ์ แล้วจะหลุดพ้นภัยพิบัติได้อย่างไร

1. ต้องให้คนหยุดฆ่าสัตว์ ให้ปล่อยสัตว์

สร้าง ความเมตตา เตือนทุกคนอย่าได้ฆ่าสัตว์อีกต่อไป ต้องปล่อยสัตว์ คุ้มครองสัตว์ หนี้สินเวรกรรมยิ่งมากก็ยิ่งแรง หนี้สินเวรกรรมหกหมื่นกว่าปียืนรออยู่หน้าประตูบ้านแล้ว

2. จัดตั้งห้องพระ

จัดตั้งห้องพระก็จะมีดอกบัวหนึ่งดอก จัดตั้งห้องพระก็คือเรือธรรม นำพาเวไนยทั้งชายหญิงกลับคืนฝั่งธรรม

3. ตั้งใจจริงในการปฏิบัติบำเพ็ญ

เป็น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สร้างบุญกุศลจริง ศรัทธาจริงในการฝึกฝนปฏิบัติบำเพ็ญ เมื่อเป็นเช่นนี้ศิษย์จะต้องเร่งรีบสร้างบุญกุศล เอาเงินทองไปฝากไว้ที่ธนาคารสวรรค์ ธนาคารบนสวรรค์ไม่มีวันล้ม เงินทองฝากไว้ในธนาคารบนโลก เมื่อธนาคารล้มอะไรก็ไม่เหลือ

แต่ละคนต่างก็มีเรื่องส่วนตัวแตกต่างกันไป แต่ละเรื่องล้วนวุ่นวาย วุ่นวายกับตัวเอง ครอบครัว เรียนหนังสือ ทำงานหาเงินทอง วุ่นวายต่างๆนาๆ ขอถามศิษย์เคยวุ่นวายเพื่อเวไนยบ้างหรือเปล่า

เวลาผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่ว่ากี่วันหรือกี่คืน เวลาผ่านไปยากเอากลับคืน มีเงินให้ออกเงิน มีแรงให้ออกแรง รีบเร่งชักชวนคนให้บริจาคทาน ไม่เช่นนั้นเงินจะเป็นเพียงเศษกระดาษ ถึงเวลานั้นอยากจะสร้างบุญก็ไม่มีโอกาสแล้ว

อาจารย์ เปิดเผยความลับของฟ้าแก่พวกเจ้าให้รับรู้ เพื่อให้รีบเร่งออกไปชักชวนคนที่มีบุญสัมพันธ์ ส่งเสริมญาติธรรมให้ทานเจ จัดตั้งห้องพระ รีบเร่งอย่ารอช้า ไฟไหม้มาถึงขนตาแล้ว พวกเราไม่ควรที่จะหลับจนไม่รู้ตื่น เตือนคนทั้งหลายที่ยังหลับให้รู้ตื่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีนานหลายปีแล้ว ภัยพิบัติต่างๆ ลงมามากมายเพื่อย้ำเตือนสติพวกเรา

เพลงพระโอวาทพระพุทธจี้กง

ทำนอง: น้ำตาฝน

น้ำตาฟ้า

ฟ้าหม่นระคน ดูเศร้าแผ่นดินแลเร้าร้อน แดดฝนฟ้าผันไม่แน่นอน ผู้คนร้องไห้ระงม ผลาญฆ่าอาสัญ ชนแบ่งชั้นถูกผิดโง่งม สอบและภัยทำร้ายหายจม พ่ายล้มเจ้ากรรมตามทวง

เวไนยใจต่ำ เสียงฟ้าคำรามดูน่ากลัว ย้ำเตือนหนา อย่าลืมหลงตัว รักษาใจล้ำธรรมา สังคมสับสนเพียรย้อนมองคำมั่นเดิมหนา พุทธาปลุกย้ำด้วยความเมตตา ตัดลาตัณหาอารมณ์

ค้นคนใจซื่อ ตั้งใจฝึกปรือ ในนอกจงรักษ์ เปลี่ยนแปลงจากนี้ ได้ธรรมโปรดนำจิตธรรมเน้นหนัก สอบแล้วเจ้าจึงประจักษ์ ผ่านพ้นศรัทธาเพียงไร

ฟ้า สอบคัดเลือก ใจมั่นโปรดกาลคับขัน แท้เป็นหินหรือเป็นหิรัญ สุดท้ายนั้นเลือกผันนะเธอ น้ำตาที่ไหล สอบในยุคปลายอย่าได้พลั้งเผลอ เลือกเป็นหยกแท้นะเธอที่สุดเจอหนทางกลับคืน

ตื่นเมื่อสายเกิน

ณ สถานธรรมผู่เต๋อ จ. ภูเก็ต

วันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2548

ช่วงเย็นขณะประกอบพิธีถ่ายทอดธรรม สุภาพสตรีผู้ขอรับธรรมท่านหนึ่ง มีเหตุบางอย่างทำให้ไม่สามารถเข้าสู่พิธีรับธรรมได้

ในขณะนั้นเทพผู้พิทักษ์กฎ (เทพเจ้ากวนอู) ได้เสด็จประทับทิพยญาณที่ร่างสามคุณ ซึ่งกำลังทำหน้าที่เป็นพิธีกรเอก พระองค์ได้เมตตาแก่อาจารย์ชี้แนะ ผู้แนะนำรับรองและบุคคลากร

นำพาคนรับธรรม

จะต้องดูพื้นฐาน สอบถามให้ดีก่อน

เวไนยยุคนี้หนี้กรรมหนัก

สิ่งศักดิ์สิทธิ์มิอาจต้านหนี้กรรมให้ได้

หลัง จากที่พระองค์ได้ถอนญาณออกจากร่างแล้ว ทันใดนั้นได้มีวิญญาณตนหนึ่งเข้ามาในร่างของสามคุณ ท่าทางอิดโรย ร้องห่มร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าเสียใจ สักครู่หลังจากที่อาจารย์ชี้แนะได้ให้ดื่มน้ำทิพย์เหลาหมู่แล้ว จึงพูดออกมาได้ความว่า ...

วิญญาณ: (ฮือๆๆ) เราคือผู้บำเพ็ญคนหนึ่งที่ทำผิด...เคยทำผิด เห็นพวกเจ้าบำเพ็ญธรรม...ไม่มีความตั้งใจกัน...

ยุคนี้ ยุคสุดท้าย...สิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายลงมาคุ้มครอง...มากมาย...

ทำไม ไม่ตั้งใจ อย่าทำเพียงผิวเผินแค่เปลือกนอก...จะต้องบำเพ็ญให้ถึงแก่นแท้จิตภายในของตน เอง...ไม่ทำเอาหน้า ... จะตั้งใจทำ บำเพ็ญ...ทำเพื่อเวไนย...ทำเพื่อเวไนย...ไม่ได้ทำให้ใครเห็น...

(ฮือๆๆ) เห็นคนรับธรรมะ แต่ละคน...พระอาจารย์ต้องแบกหนี้กรรมมากมาย บอกปัดครั้งแล้ว ครั้งเล่า...หวังศิษย์จะบำเพ็ญ ไม่เห็นมีใครตั้งใจเลย... รู้ไหมว่า พระอาจารย์ก็เสียใจ

อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรม: เธอคือใคร

วิญญาณ: (ฮือๆๆ) เราไม่อาจเปิดเผยได้มาก...ยืมโอกาสรับบัญชามาชั่วคราว บอกกล่าวเตือนผู้บำเพ็ญ...อย่าอยู่แต่สถานธรรม ไปหาเวไนย ไปหาเวไนย... (ฮือๆๆ)

เราก็เคยบำเพ็ญ...ไปหาเวไนย... ไปหาเวไนย....เวไนยน่าสงสาร (ฮือๆๆ)

อย่าห่วงตนเอง ต้องห่วงคนอื่นด้วย...คนยังไม่รู้อีกมากมาย จะต้องตายไปอย่างนั้น...ฮือๆๆ

เวไนยมากมาย...เราไม่มีกาย เราไม่สามารถช่วยงานพระอาจารย์จี้กงได้ เราเสียใจ...

หวังให้พวกเจ้า ตั้งใจบำเพ็ญ...ตั้งใจบำเพ็ญ...อย่ารอให้ภัยมาไม่ทันแล้ว...อย่าลืมนะ...

ห่วงเวไนย...ห่วงเวไนย...ห่วงเวไนย...(ถอนญาณ)


เวลาคับขัน เตรียมอะไร?
1.
เตรียมใจที่สะอาดบริสุทธิ์
2.
เตรียมกายให้สะอาดบริสุทธิ์ (ทานเจ)
3.
เตรียมมหาเมตตาให้เต็มเปี่ยม
4.
เตรียมขนเวไนย
5.
เตรียมมันสมองที่ปราดเปรื่อง พลังกายที่แข็งแรง
6.
เตรียมความกล้าบรรจุให้เต็ม


คัมภีร์กัปสุดท้าย

พระโพธิสัตว์กวนอิมได้เข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้าเบื้องบนสูงสุด เพื่อกราบบังคมทูลรายงานถึงความดีความชั่วที่มนุษย์ได้กระทำ ครั้นองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ทรงทราบข่าวสภาพความเลวร้ายบนโลกมนุษย์ก็ทรงพิโรธยิ่งนักและกล่าวติเตียนเหล่าเทพยดาทั้งหลายว่า

"เสียแรงเปล่า! ที่ชาวโลกพากันจุดธูปบูชากราบไหว้ แต่กลับไม่ยอมอบรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น มาจนบัดนี้ ในโลกมนุษย์จึงเนืองแน่นไปด้วยคนใจหยาบช้า ผู้คนไม่มีมโนธรรมสำนึกหลงเหลือ ดังนั้นจึงต้องมีราชโองการลงโทษทัณฑ์ ให้เกิดภัยพิบัติต่อเนื่องกันหลายปี เพื่อกำราบคนชั่วช้าสามานย์และเปลี่ยนจิตใจชาวโลกเสียใหม่!"

ในเวลานั้น บรรดาทวยเทพทั้งหลายได้กราบทูลวิงวอน แม้องค์พระโพธิสัตว์กวนอิมแห่งทะเลทักษิณก็ทรุดพระวรกายหมอบลงกราบทูลขอให้โปรดกรุณาแก่ชาวโลก พระองค์ได้กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า

"ผู้ชั่วร้ายสมควรดับ ผู้ดีงามควรคัดออก !"
"ผู้ชั่วร้ายสมควรดับ ผู้ดีงามควรคัดออก !"
"ผู้ชั่วร้ายสมควรดับ ผู้ดีงามควรคัดออก!"

องค์เง็กเซียนฮ่องเต้จึงทรงมีพระบัญชาชี้ขาดว่า

"ดี ชั่ว สองฝ่ายแยกกัน!"
"ให้สงครามเจาะจงเลือกที่เกิด"
"ให้โรคระบาดเจาะจงเลือกคนเป็น"
"และให้จอมเทพพิทักษ์ธรรมรับราชโองการกวาดล้างมนุษย์ที่กระทำความชั่วร้ายดังต่อไปนี้...

1. เก็บผู้ที่กล่าวโทษด่าว่าฟ้าดิน

2. เก็บผู้ที่ไม่กตัญญูต่อบิดามารดา

3. เก็บผู้ที่กดขี่ราษฎรและฉ้อราษฎร์บังหลวง

4. เก็บผู้ที่ประพฤติผิดในกาม มักมากตัณหา

5. เก็บผู้ที่ทิ้งขว้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร

6. เก็บผู้ที่ทำลายศาสนา หลอกบางเทพยดา

7. เก็บผู้ที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต

8. เก็บผุ้ที่ใช้เล่ห์เหลี่ยม คดโกงตาชั่ง

9. เก็บคนที่หลอกลวงให้คนหลงเชื่อ

10. เก็บผู้ที่ทำลายผุ้อื่นเพื่อประโยชน์สุขส่วนตน

11. ผู้สูงอายุนิดเดียวก็ไม่ยอมตักเตือนแก้ไข

12. คนรุ่นหลังไม่มีคุณสัมพันธ์ 5

13. คนชั่วรังแกคนดีที่ซื่อสัตย์

14. คนรวยใจไม้ไส้ระกำต่อคนยากจน

15. ชักศึกเข้าในเพื่อประโยชน์ภายนอก

16. ใช้กลอุบายวางแผนแก่งแย่งชิงดีกัน

17. ลักขโมยสิ่งของของผู้อื่น

18. ขายยาปลอมหลอกลวงชาวบ้าน

19. พบคนดีมีความซื่อสัตย์สุจริตถูกรังแกจนเข้ากระดูกดำ

20. พบคนเลวประจบสอพลอพะเน้าพะนอ

21. ซื้อขายหลอกลวงคนโง่เขลา

22. ย่ำยี เหยียบกระดาษตัวอักษร

23. มีแต่พวกแต่งกายเรียบร้อยสวมหน้ากากมนุษย์

24. ปฏิบัติดำเนินการผิดหลักฝ่าฝืนหลักธรรม

25. มีบางพวกอาศัยอำนาจใช้อิทธิพล

26. หลอกลวงใจตนเองและละเมิดหิริโอตัปปะ ทำลายคนโดยขาดศีลธรรม

27. มีบางพวกใจโหดเหี้ยม มุ่งกำไร หาผลประโยชน์ไม่คำนึงถูก - ผิด

28. ไม่คำนึงถึงหิริโอตัปปะ ไม่มีความสุจริตใจ

29. มีบางพวกอกตัญญู ไม่รู้คุณคน

30. รุ่นหลังจะเป็นคนกันอย่างไร

31. มีบางพวกรังแกข่มเหงเด็กและคนแก่

32. มีบางพวกทำลายการวิวาห์ให้แตกแยกสลาย

33. มีบางพวกทุบตี ปู่ ย่า ตา ยาย

34. มีบางพวกยกย่องคนรวย รังเกียจคนจน

35. มีบางพวก พี่ ป้า น้า อา ไม่สมานปรองดองกัน

36. มีบางพวกไม่เคารพรักสามี

37. มีบางพวกยุยงส่งเสริมให้ฟ้องร้องกัน

38. พี่น้องแก่งแย่งชิงดีกัน

39. จับงู ตีอวน ยิงนก

40. ปล่อยไฟเผาป่า ทำลายสุสาน

41. ส่งหนังสือทำลายพิธีภูติผีเวทมนต์

42. ใช้คาถาอาคมฝังรูปฝังรอยทำร้ายผู้อื่น

43. เจตนาเขียนยันต์สาปแช่งทำลาย

44. เกิดโทสะเมื่อผู้อื่นต่อว่า ต่อปาก ต่อคำ

45. ใช้เล่ห์กลกล่าวให้ร้ายป้ายสี

46. ธัญญชาติปะปนน้ำ ขายขูดรีด

47. เห็นคนมีเงินโกรธแค้น

48. เห็นคนร่ำรวยมีเกียรติเกิดความริษยา

49. เห็นคนทุกข์ยากไม่ช่วยเหลือ

50. พบคนตกอยู่ในความลำบากไม่ช่วยเหลือ

51. ไม่ประมาณดีชั่วของตนเอง

52. กลับกล่าวว่าผู้อื่นไม่เที่ยงธรรม

53. ตักเตือนให้ทำแต่ความดีไม่เชื่อฟัง

54. แนะนำให้ทำชั่วดำเนินทันที"


นี่คือ 54 ข้อกรรมชั่ว ที่ผู้ใดประพฤติผู้นั้นจะต้องถูกตรวจตราควบคุมเก็บกวาดให้เรียบ ไม่ให้เหลือไว้ในโลก"


"ข้าฯ มีเพียงคำเตือนให้มนุษย์ทั้งหลายปรับปรุงเปลี่ยนแปลงจิตใจ ยังพอมีโอกาส จงรีบแก้ไขสำนึกในความผิดบาป เมื่อได้ยินได้รู้ข่าวนี้ให้เร่งกลับตัวกลับใจโดยทันที อย่ามัวรีรอจนกระทั่งภัยพิบัติมาประชิดตัว ถึงตอนนั้นจะวิงวอนร่ำไห้ให้ช่วยเหลืออย่างไรก็ไร้ผล จงสร้างบุญทำกุศลสะสมคุณความดีกันเสียแต่เนิ่นๆ เพื่อหลบหลีกและเป็นเกราะกำบังวิบัติภัยทั้งหลาย"

พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

ณ.พุทธสถานเฉิงเต๋อ ประเทศมาเลเซีย วันอาทิตย์ที่ 9 มกราคม 2548

"
กัปสุดท้ายกาลจวนเจียน เจ้ากรรมนายเวรติดตามทวงหนี้ ต่างก็รอบุญกุศล และให้โอกาสมาแล้วร้อยกว่าปี แต่มาบัดนี้ไม่มีใครสร้างบุญกุศลชดใช้ ไม่ตั้งใจปฏิบัติบำเพ็ญ

เจ้ากรรมนายเวรได้กราบทูลร้องขอความเป็นธรรมต่อพระองค์ธรรมมารดา พระแม่องค์ธรรมได้ตรวจสอบดู ก็เป็นเช่นนี้จริง จึงบัญชาให้เจ้ากรรมนายเวรติดตามทวงหนี้ประชิดตัวได้อย่างเต็มที่ทุกเวลาทุกวินาที ไม่ต้องมีการต่อรองเวรกรรมกับพระอาจารย์เหมือนที่เคยผ่านมาอีกแล้ว ใครมีหนี้กับใครก็จัดการทวงหนี้เลยได้ทันที


ศิษย์อย่าได้ชะล่าใจจะไมทันกาล ตอนนี้ต้องเร่งรีบส่งเสริมนำพาเวไนยปฏิบัติงานธรรม เน้นที่สุดส่งเสริมคนทั้งหลายปฏิบัติบำเพ็ญจริง ทุกๆขณะเวลาให้เห็นงานอริยะสำคัญกว่างานอื่นใด บัดนี้เป็นการร่อนตระแกรงฟ้าครั้งสุดท้าย ภัยพิบัติครั้งนี้มีเพียงแต่ผู้มุ่งมั่นปฏิบัติธรรมจริง จะมีชีวิตรอดและจะเป็นผู้เก็บศพเวไนย ภัยจะเกิดทุกวัน ให้ระวังทุกขณะ สิ่งใดที่มนุษย์สร้างขึ้นใหม่ก็จะกลับคืนสู่ธรรมชาติ สิ่งใดมาจากทะเลกลับคืนสู่ทะเล ภัยรอบตัวหน้าหลังซ้ายขวา


ศิษย์มั่นคงพร้อมไม่กลัว ต้องสำนึกด้วยใจจริงแท้ และจากนี้ไปการบำเพ็ญธรรมจะยากลำบากขึ้น ขอตั้งใจให้ดี


ศิษย์เอ๋ย บัดนี้พระอาจารย์ไม่อาจแบกรับหนี้กรรมให้ลูกศิษย์ได้อีกแล้ว โอกาสสุดท้ายแล้วในครั้งนี้ มุ่งมั่นทำงานธรรมะ เร่งรีบสร้างบุญกุศลบรรลุปณิธาน มุ่งมั่นทำงานฟ้า ฟ้าไม่ทอดทิ้ง"

พระโอวาทพระโพธิสัตว์กวนอิม

วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2548 ณ พุทธสถานเจิ้งเต๋อ กรุงเทพมหานคร

ห่วงใย ใจฟ้า ก็คือ ใจของพุทธะที่ลุ่มหลงมานาน บัดนี้รู้ตื่นหรือยัง เมื่อรู้ตื่นแล้วเปรียบดั่งใจของฟ้า ฉะนั้นจงปรองดองใจแห่งฟ้านี้ให้เสมอต้นเสมอปลาย

เภทภัยในปลายยุคนี้มีมากหลายอยู่รอบๆตัวเราเอง อย่า ปล่อยให้ตนต้องเจอกับภัยเหล่านั้น ต้องระวังใจของตัวเองอย่าลังเลสับสน เที่ยงตรงดั่งฟ้าไม่เอนเอียง ภัยกล้ำกรายเพียงรอบนอก ภัยภายในใจ ภายในยังมั่นคงเสมอ ประคองไว้ตลอดไป

เมธีทั้งหลาย อย่ารอช้า เร่ง โปรดเวไนยขึ้นเรือธรรมให้มากที่สุด เร่งสร้างบุญให้ตนเองให้มากที่สุด ขณะมีชีวิตอย่าดูแคลน ถึงเวลาจากไปย่อมไม่ลำบาก ขอให้ทุกคนจงโชคดี

โพธิสัตว์หวังว่าเมธีทั้งหลาย ร่วมบำเพ็ญลุล่วงปณิธานตน สำเร็จคืนพร้อมหน้าทุกท่าน...

No comments:

Post a Comment