Sunday

ทำไมต้องรับธรรมะ

ทำไมต้องรับธรรมะ : เรียบเรียงโดย ทรงวุฒิ ทองไหล

เรียบเรียงมาจากความเข้าใจส่วนตัวเท่านั้น
ในสถานการณ์จริง อาจจะพูดได้หลายแนว ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของผู้ฟัง

ข้อความในวงเล็บก้ามปู [ ] คือประเด็นหลักที่จะสื่อให้ญาติธรรมใหม่ได้เข้าใจ ในเนื้อหาตามนั้น

เนื้อหาต่างๆ ให้เพิ่มเติม ขยายความได้ตามพื้นฐานภูมิธรรมของผู้ฟัง

ข้อมูลอาจจะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ หากพบข้อผิดพลาดประการใด ให้รีบช่วยแย้งแก้ไขในที่นี้ด้วยครับ


[ คำขึ้นต้น ]

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของฟ้าเบื้องบน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
บารมีธรรมของท่านธรรมอธิการ และรองธรรมอธิการ
ด้วยความเมตตาของ อ.ถ่ายทอดเบิกธรรม
และการสนับสนุนส่งเสริมของอาวุโสทุกท่าน


ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับทุกท่าน ที่ได้มีโอกาสมาศึกษาธรรมร่วมกันในวันนี้

ธรรมะที่ท่านได้มาศึกษาวันนี้มีชื่อว่า วิถีอนุตรรธรรม


[ อธิบายความหมาย ]

วิถีอนุตตรธรรม มาจากคำว่า

วิถี = หนทาง, ทุกวันนี้เรารู้แต่ทิศทาง แต่เส้นทางตรงจริงๆ ยังไม่ทราบ ต้องอาศัยคนที่เคยเดินมาก่อนชี้แนะ
อนุตตระ = ไม่มีอะไรเหนือจากนี้ สูงสุด
ธรรม = ธรรมะ หลักของธรรมชาติ มีอยู่ก่อนแล้วคู่ฟ้าดิน พระพุทธองค์ได้ค้นพบภายหลัง

[ เหตุที่เราได้เจอธรรมะ ]

แต่ละท่านที่มาในวันนี้มีรากบุญที่หยั่งลึก เคยสร้างบุญสร้างกุศลคุณงามความดีมาก่อน ทั้งในปัจจุบันและอดีตชาติ
มีบุญสัมพันธ์กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และผู้แนะนำรับรอง

กาลเวลาคับขัน บุญสัมพันธ์ บุญปัจจัยพอเหมาะ จึงได้เจอวิถีธรรมในกาลเวลานี้

[ ธรรมะกับภัยพิบัติ ]

ธรรมะที่เราได้รับ เป็นสิ่งเดียวกับที่พระพุทธองค์ค้นพบ
พระพุทธเจ้าสละทางโลกค้นหาถึง 6 ปี ถ่ายทอดไตรรัตน์ที่เป็นความลับฟ้าดิน
ให้แก่ผู้สืบทอดเพียงรุ่นละองค์เท่านั้น

ดังนั้นการที่เราได้พบธรรมะวันนี้ จึงเป็นเรื่องไม่ธรรมดา
เนื่องจากว่า กาลเวลาฟ้าดินถึงคราวที่จะต้องเปลี่ยนธรรมกาล
เหตุปัจจัยบุญกรรมจึงถูกเร่งรัด อย่างที่เรียกว่ากรรมติดจรวด ทำให้ยุคนี้เกิดเหตุร้ายต่างๆ มากมาย
ในขณะเดียวกัน ก็มีหลายคนที่ได้รับโชคลาภก้อนใหญ่อย่างน่าอิจฉา

ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อเร่งรัดเหตุปัจจัยตอบสนองให้เสร็จสิ้นก่อนเปลี่ยนธรรมกาล
ซึ่งยุคถัดไปก็คือยุคพระศรีอาริยเมตไตรนั่นเอง ซึ่งจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป
สำหรับพระนามของท่าน อาจจะเรียกต่างๆ กันไป ดังคำทำนายของแต่ละศาสนา

การเร่งรัดปิดบัญชีบุญกรรม เพื่อข้ามไปสู่ธรรมกาลยุคหน้าเช่นนี้
จึงทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน ห่วงใยมมุษย์และเวไนยสัตว์ทั้งหลาย

เกรงว่าการชำระบาปกรรมเก่าของมนุษย์ แบบเร่งรัดจะทำให้เกิดเป็นภัยพิบัติ
มากวาดล้างคนดีและคนชั่วพร้อมๆ กัน หมดโอกาสที่จะได้สร้างบุญบารมีต่อ
ทั้งๆ ที่บางคนในชาตินี้ มีนิสัยที่ดีงาม พอที่จะฝึกฝนบำเพ็ญธรรมให้ก้าวหน้าขึ้นไปได้อีก

เขาจะถูกดับอนาคตที่สดใสไปอย่างน่าเสียดาย

จึงเป็นเหตุให้วิถีอนุตตรธรรมที่เคยแฝงเร้นมาตั้งแต่อดีตกาล
ต้องเผยแพร่ออกมาสู่ปุถุชนทั่วไป และมีการปรกโปรดทั้ง 3 ภพ


คนเราการที่จะมีชีวิตได้ ต้องมีส่วนประกอบสำคัญ 2 อย่างคือ กายสังขารกับวิญญาณ
เมื่อละสังขารไปแล้ว จิตวิญญาณจะต้องเวียนวายตายเกิดต่อไป

ซึ่งธรรมะนี้จะมุ่งเน้นการฉุดช่วยจิตวิญญาณ เพื่อให้เราสามารถหลุดพ้นเวียนว่ายตายเกิดได้

ส่วนกายสังขาร วันนี้ท่านจะได้รับไตรรัตน์ แก้ววิเศษ 3 ประการ ซึ่งสามารถคุ้มครองปกป้องให้เราพ้นจากภัยพิบัติ
รักษากายสังขาร ซึ่งเป็นของจอมปลอมนี้ให้ได้อยู่ต่อไป เพื่อใช้ในการปฏิบัติบำเพ็ญจิตภายใน
สร้างบุญกุศล บารมีธรรม เปลี่ยนแปลงตัวเองจากปุถุชนให้กลายเป็นพุทธะได้


[ธรรมะกับศาสนา]

ท่านอาจจะสงสัยว่า การมารับธรรมะวันนี้ จะเป็นการเปลี่ยนลัทธิศาสนา
หรือเป็นการรับขันธ์ รับองค์หรือไม่ ขออนุญาตชี้แจงให้ทราบก่อนว่า .. ไม่ใช่

กลับไปท่านยังคงนับถือศาสนาเดิม ประกอบศาสนกิจได้ตามเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง


สิ่งที่เราได้มารับในวันนี้คือ ได้มารับรู้หนทางหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
ซึ่งเป็นความลับของฟ้าดิน เดิมทีธรรมะ เป็นสิ่งที่มีมาอยู่ก่อนแล้ว
แต่มีผู้มีคุณธรรมสูงส่ง ปฏิบัติบำเพ็ญดี จึงได้ค้นพบ ทำให้ได้กลายเป็นศาสดา เกิดเป็นศาสนาต่อไป

แต่ละท่านที่มาในวันนี้ ล้วนเป็นศาสนิกชนที่ดีมาก่อน การมารับธรรมะวันนี้ จึงเหมือนเป็นการต่อยอดให้ท่านก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป

ธรรมะเป็นหลักวิถีแห่งจิต เป็นแก่นแท้ของธรรมทั้งปวง ถ้าเปรียบศาสนาเป็นกิ่งก้านใบ
ธรรมะที่เราได้รับวันนี้ ก็เปรียบเหมือนรากเหง้าของศาสนา

เพราะธรรมะเป็นสิ่งที่ไร้รูปลักษณ์ การรับธรรมะในวันนี้ จึงเป็นเหมือนการบวชจิต
บวชที่จิต ให้ท่านมารับรู้ถึงจิตเดิมแท้ของเราก่อน ส่วนกายสังขาร การปฏิบัติก็เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป
เรียกว่าการบำเพ็ญแบบกึ่งครัวเรือน

เพียงแต่ยามที่ท่านมีเวลาว่าง ให้กลับมาศึกษาธรรมเพิ่มเติม ยังไม่จำเป็นต้องสละทางโลก ครอบครัว หน้าที่การงาน
ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับสังคมยุคนี้ ที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน


เมื่อเปรียบเทียบกับ การบวชการสังขาร นุ่งห่มจีวร ที่ต้องสละทางโลก น้อยคนที่จะทำได้
และในเวลานี้พบว่ามีกระแสสังคมทางโลก ค่านิยมทางวัตถุเข้าครอบงำนักบวชมากมาย
การบวชเพื่อบำเพ็ญมุ่งการหลุดพ้น จึงเป็นไปได้ยาก

แต่ละท่านที่ได้ไปพบกับเกจิอาจารย์ ไปวัดวา หรือศึกษาเกี่ยวศาสนาต่างๆ
ก็ยังไม่เคยมีอาจารย์ท่านใด กล้ารับรองว่า ถ้าได้บำเพ็ญในลัทธิศาสนาของเขาแล้ว
จะสามารถหลุดพ้นได้ในชาตินี้

โอกาสจะประสบความสำเร็จ น้อยกว่าการบวชจิตซึ่งได้รู้หนทางตรง และบำเพ็ญได้แบบกึ่งครัวเรือน

ทุกท่านได้รับเชิญให้มารับธรรมะ บวชจิต วันนี้จึงไม่ใช่เรื่องธรรมดา


วันนี้ที่ท่านได้รับเชิญให้มารับธรรมะ/บวชจิต จะต้องมีผู้แนะนำท่านมา
ไม่ใช่จะประกาศโดยสุ่มไป เหมือนโฆษณาสินค้าตามท้องตลาดได้

อีกสักครู่เขาเหล่านั้นที่นำพาท่านมา จะต้องคุกเข่ารับประกันต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ว่าท่านเป็นคนดี มีคุณธรรม สามารถที่จะศึกษาบำเพ็ญธรรมให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป

อีกท่านก็จะรับรองว่า ธรรมะที่ท่านได้รับนี้ เขาได้ศึกษามาจนมีความเชื่อมั่นว่า
เป็นธรรมแก่นแท้ที่ทำให้หลุดพ้นได้ มีการถ่ายทอดตามพงศาธรรม
นับตั้งแต่พระพุทธเจ้า ไล่ลำดับลงมาถึงพระบรรพจารย์ ไม่ได้อุปโลกตั้งตนเป็นอาจารย์ขึ้นมาเอง
เหมือนลัทธิอุบาทว์ ศาสนามาร

สรุปเป็นหลัก 3 ประการคือ

1. เป็นหลักหลักธรรมจริง (เต้าเจิน)
2. สัจธรรมฟ้าดินจริง (หลี่เจิน)
3. มีพระโองการฟ้าในการถ่ายทอดจริง (เทียนมิ่งเจิน)

หากไม่ได้เป็นดังเช่นที่ว่าไว้ หรือมีจุดประสงค์แอบแฝง เพื่อหลอกลวงเงินทอง

เขายินดีให้ฟ้าดินลงโทษ



[ โปรด 3 ภพ ]

อาจารย์ที่จะเป็นผู้ถ่ายทอดเบิกธรรมให้กับท่านในวันนี้คือ .... ท่านเป็นนักธรรมอาวุโส
ที่ได้บำเพ็ญมาดี จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็น อ.ถ่ายทอดเบิกธรรม

ซึ่งถือเป็นตัวแทนของพระวิสุทธิอาจารย์ - อาจารย์ผู้ที่ชี้หนทางหลุดพ้นฯ
ซึ่งก็คือพระพุทธจี้กง และพระโพธิสัตว์จันทรปัญญา

ทั้งสองพระองค์นี้ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผู้ที่ได้รับพระโองการฟ้ามาจากเบื้องบน
มีตำแหน่งเหมือนอัครสาวก เคียงข้างพระศรีอาริยเมตตรัย จึงได้รับบัญชา
ให้ลงมาฉุดช่วยเวไนยสัตว์ ผู้มีรากบุญ ให้ได้มารับธรรมะ/บวชจิต ถือเป็นการคัดเลือกผู้คนทั้งหลาย
ให้ได้ขึ้นทะเบียนไว้ที่เบื้องบน ก่อนที่จะถึงยุคพระศรีอาริย์จริงๆ ให้ได้ฝึกฝนบำเพ็ญแบบกึ่งครัวเรือน
เพื่อสำเร็จเป็นอริยะกลับคืนเบื้องบนต่อไป


พูดถึงคำว่า "กลับคืน" เบื้องบน คำนี้มีความนัยก็คือ

เดิมทีพวกเราก่อนจะลงมาเกิดกายเป็นมนุษย์นั้น พวกเราคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่แดนนิพพานเบื้องบนอยู่แล้ว

แต่เนื่องจากพระอนุตตรธรรมมารดา ผู้ให้กำเนิดจิตญาณของเรา ซึ่งแต่ละศาสนาจะเรียกต่างๆ กันไป เช่น

พุทธ เรียกว่า องค์ธรรมชาติ

คริสต์ เรียกว่า พระเจ้า

อิสลาม เรียกว่า พระอัลเลาะห์

ชาวบ้าน เรียกกันมาตั้งแต่อดีตว่า พ่อเกิดแม่เกิด, ปู่แถนย่าแถน

ทั้งหมดนี้ หมายถึงสิ่งเดียวกัน ก็คือ พระอนุตตรธรรมมารดา หรือพระแม่องค์ธรรม

ท่านก็ได้สร้างจักรวาล และโลกมนุษย์ขึ้น แล้วก็ได้ส่งพุทธบุตรลงมาเกิดเพื่อพัฒนาให้รุ่งเรือง

แต่เนื่องจากเป็นภพภูมิหยาบ จึงทำให้เรานั้นลงมาเกิดแล้วหลงในวัตถุจอมปลอม

ทำให้ตายไปแล้วกลับคืนสู่นิพพานบ้านเก่าไม่ได้ จนต้องเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ

ตามหกช่องเวียนว่ายตายเกิด (มีเวลาให้อธิบายเพิ่ม) ได้แก่ นรก สวรรค์ โลกมนุษย์


การเวียนว่ายตายเกิดของเราผ่านไปนานถึง 60,000 ปี
บัดนี้ถึงกาลเวลาฟ้าดินพอเหมาะแล้ว พระอนุตตรธรรมมารดาจึงได้มีบัญชาให้วิถีธรรมลงโปรดทั้ง 3 ภพ

มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ลงมาช่วยหนุนส่งงาน โดยอาศัยโลกมนุษย์เป็นดินแดนศูนย์กลาง
ที่จะสามารถใช้กายเนื้อสร้างกุศล แผ่บุญบารมี ชดใช้กรรมเก่าได้


วันนี้พวกเราจึงได้รับสิทธิ์พิเศษ ก็คือ มีการลงทะเบียน รายชื่อ สร้างกุศล เพื่อถวายต่อเบื้องบน

ชื่อของเราจะถูกถอนออกจากบัญชียมโลก บันทึกไว้ที่ด่านตรีเทพพิทักษ์เบื้องบนพระนิพพาน

บรรพบุรุษของเรา 7 ชั่วโครต ลูกหลานเก้าชั่วคน จะได้รับอานิงส์จากการบวชจิตครั้งนี้

เขาเหล่านั้นจะได้รับสิทธิพิเศษที่จะได้ศึกษาธรรมะ เช่นเดียวกับที่ลูกหลานได้ทำ


เวลาในการปรกโปรด 3 ภพ มีจำกัด หากเราลังเลสงสัยไม่รีบเข้ามาศึกษาบำเพ็ญธรรม
หากสิ้นสุดเวลาการถ่ายทอดธรรมแล้ว จะต้องเวียนว่ายตายเกิด รอการปรกโปรดครั้งหน้านานถึง
129,600 ปี ซึ่งไม่แน่ว่าเวลานั้นเราจะได้เกิดเป็นมนุษย์



[ การชำระหนี้สินเวรกรรม ]

การรับธรรมะ คือการได้พบหนทางหลุดพ้นเวียนว่ายตายเกิด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก
สำหรับเราและบรรพชน แต่ยังมีอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งอาจจะไม่ยินยอมกับโอกาสดีของเราครั้งนี้
นั่นก็คือ เจ้ากรรมนายเวรของเรานั่นเอง

เนื่องจากว่าเราได้เคยล่วงเกินเขาเหล่านั้นมาก่อน ซึ่งอาจจะเป็นในอดีตชาติที่ผ่านมา
ความเคียดแค้นเหล่านี้ก็ได้สะสม จนทำให้เขาติดตามเรามา ไม่ยอมไปเกิดใหม่เป็นเวลาหลายปี
เพื่อหาโอกาสล้างแค้นในรูปแบบต่างๆ เช่น เจ็บป่วย เสียทรัพย์ หรือประสบอุบัติเหตุ


เมื่อเรารับธรรมะแล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะคุ้มครองให้เราพ้นภัย

ทำให้วิญญาณเจ้ากรรมนายเวร ทวงหนี้แค้นกับเราได้ยาก เขาจะพยายามขัดขวางเราทุกวิถีทาง ไม่ให้ได้รับธรรมะ


ดังนั้น วันนี้จึงให้ทุกท่านได้สร้างกุศลใหญ่

โดยอาศัยเงินทอง ซึ่งแสดงถึงจิตศรัทธาของท่าน โดยอธิษฐานให้ผล 3 ประการคือ

1) ให้ชีวิตของเรามีความเจริญก้าวหน้า สำเร็จทั้งทางโลก และทางธรรม

2) อุทิศบุญกุศล ให้เจ้ากรรมนายเวร ยอมผ่อนปรน ลดเภทภัยจากหนักเป็นเบา
เปิดโอกาสให้เราได้ศึกษา บำเพ็ญธรรม มีความก้าวหน้า
ท่านที่กำลังเจ็บป่วย มีเคราะห์ภัยอยู่ สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างกุศลให้มาก

3) อุทิศบุญกุศล ให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว เวลานี้ท่านเหล่านั้นอาจจะต้องรับทุกข์ภัยในภูมิต่ำ
จากบาปเวรที่เคยได้สร้างมา จึงต้องอุทิศบุญกุศล ให้ได้รับการนิรโทษ ผ่อนผันจากหนักเป็นเบา

เงินสร้างกุศลนี้จะถูกเขียนรวมอยู่ในใบคำขอที่เรียกว่าใบฎีกาเทวนาคราช ซึ่งจะมีชื่อสกุลของเราอยู่
โดยต้องใช้ชื่อสกุลเดิมที่พ่อแม่ตั้งให้กับเรา ซึ่งจะตรงกับทะเบียนในยมโลก

สุภาพสตรีที่แต่งงานแล้วให้ลงทะเบียนด้วยนามสกุลเดิมฝ่ายพ่อแม่ของตน

หลังจากได้เผาใบคำขอในพิธีเสร็จแล้ว ชื่อเราจะถูกถอนจากบัญชียมโลก ซึ่งหมายความว่าหากเราตายไป
ทางยมโลก ก็ไม่มีหน้าที่ในการรับดวงวิญญาณของเราไปดำเนินการ

ซึ่งผู้ที่จะมารับคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งชื่อของเราได้บันทึกไว้ที่ด่านตรีเทพเบื้องบน

ท่านเหล่านั้นจะเป็นผู้พิจารณาบุญบาปของเราแทน นอกจากนี้ บางท่านที่ได้ถวายชื่อขึ้นเบื้องบนไปแล้ว
จะได้รับการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต ซึ่งจะอำนวยให้เราได้บำเพ็ญธรรมสะดวกขึ้น

สำหรับบาปเวรของเราที่เคยทำไว้ จะได้รับการผ่อนผัน ให้ชำระเพียง 30%
ซึ่งส่วนที่เหลือ 70 % พระวิสุทธิอาจารย์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะเป็นผู้แบกรับให้

หากมีภัยใดๆ พระองค์จะเป็นผู้ต่อรองกับเจ้ากรรมนายเวร ผ่อนจากหนักเป็นเบา


เพราะฉะนั้น การสร้างกุศลในวันรับธรรมะ จึงเป็นโอกาสพิเศษเพียงครั้งเดียวในชีวิต

เปรียบเหมือนการเปิดบัญชีฝากบุญกุศลไว้ที่เบื้องบน ซึ่งหลังจากนั้น

การสร้างคุณความดีของเราก็จะถูกบันทึกไปเรื่อยๆ จนครบถ้วนสมบูรณ์ ก็สามารถที่จะสำเร็จเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้


วันนี้ถือเป็นวันมงคลยิ่งของชีวิต เพราะจะได้รับรู้หนทางหลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิด

เพราะฉะนั้น สมควรที่จะกินเจ ซึ่งเป็นอาหารบริสุทธิ์ ปราศจากชีวิตเลือดเนื้อของสรรพสัตว์

การกินเจจะทำให้เราเกิดบารมี เป็นการแสดงถึงความจริงใจต่อฟ้าเบื้องบน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเจ้ากรรมนายเวร



ทั้งนี้ ไม่ได้เป็นการบังคับท่าน ว่าหลังจากรับธรรมะแล้วจะต้องกินเจไปตลอด

ขอให้ค่อยๆ ศึกษา หากเข้าใจธรรมะและเห็นคุณค่าของการกินเจแล้ว ก็ขอให้ปฏิบัติไปตามความเหมาะสม



[ ประโยชน์ของการรับธรรมะ ]

คนธรรมดา ละสังขารตายไป จะเหลือเพียงวิญญาณ แต่ถ้าได้รับธรรมะไปแล้ว จะเรียกว่าจิตญาณ

หากบำเพ็ญธรรมจนสำเร็จธรรม ก็จะยกระดับจากจิตญาณเป็น ธรรมญาณ หรือ ทิพย์ญาณ

ขอสรุปประโยชน์ของการรับธรรมะ เพื่อทบทวนอีกครั้งดังนี้

1. ได้รับการถอนชื่อจากบัญชียมโลก บันทึกไว้ที่ด่านตรีเทพพิทักษ์มหาราช ที่เบื้องบนนิพพาน
2. ได้รับรู้หนทางหลุดพ้นเวียนว่ายตายเกิด เบิกจุดแห่งปัญญา ประตูช่องที่ 7 กลับคืนสู่เบื้องบน
2. ได้รับการถ่ายทอดไตรรัตน์ ซึ่งเป็นของวิเศษความลับของเบื้องบน ที่ช่วยคุ้มครองยามมีภัยได้
3. เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตให้ดีขึ้น ลดเคราะห์ภัยจากหนักเป็นเบา ดียิ่งกว่าการได้สะเดาะเคราะห์
เพราะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยแบกรับ ต่อรองหนี้สินเวรกรรมให้เรา เหลือเพียง 30% ให้เราได้สร้างกุศลชดใช้
4. บรรพชน 7 ชั่วโครต ลูกหลาน 9 ชั่วคน ได้พึ่งใบบุญจากเรา ทำให้เขาพ้นทุกข์
5. สามารถบำเพ็ญธรรมในครัวเรือน เกิดความสันติสุข รักใคร่ปรองดอง
6. ตอนมีชีวิตศึกษาบำเพ็ญธรรม เมื่อละกายสังขาร จิตญาณจะกลับคืนสู่นิพพานโดยตรงได้ในชาตินี้เลย
ศพร้อนไม่เหม็น เย็นไม่แข็ง



[ เตรียมความพร้อมในการรับธรรม ]

1. ก่อนจะเริ่มพิธีถ่ายทอดเบิกธรรม ฝ่ายทะเบียนจะอ่านรายชื่อและเงินสร้างกุศลของท่าน เพื่อยืนยันความถูกต้อง

หากพบว่าผิดพลาดให้รีบแจ้งให้ทราบ หรือประสงค์จะเพิ่มยอดเงินสร้างกุศล ก็ยังสามารถทำได้

ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องของท่านกับเจ้ากรรมนายเวร/บรรพชน

ซึ่งบุคลากรทุกคนในที่นี้ ไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับเงินทำบุญของท่านเลย

เงินทั้งหมดจะถูกรวบรวมไปใช้ในการสร้างบุญกุศลใหญ่ เพื่อให้เกิดบุญจริง กุศลแท้ต่อไป




2. หลังจากนั้นจะเป็นพิธีถวายผลาหาร และอาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (ชั้นประชุมธรรมจะมีพิธีนี้ตอนเช้าก่อนเริ่มงาน)

เนื่องจากการถ่ายทอดเบิกธรรม เป็นการเปิดเผยความลับของฟ้าดิน เป็นที่หมายปองของวิญญาณทั้งหลาย

จึงต้องมีการอาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาคุ้มครองสถานที่แห่งนี้ จึงจะถ่ายทอดธรรมได้

ขอความร่วมมือท่าน แต่งกายให้เรียบร้อย ทำจิตใจให้สงบ ไม่พูดคุยกัน หรือเดินไปมา



3. ลำดับถัดไป จะเป็นการปฏิญาณตนของผู้แนะนำรับรอง ท่านเหล่านั้นจะคุกเข่ากล่าวคำปฏิญาณต่อฟ้าเบื้องบน

ให้ท่านตั้งใจฟังเพื่อความเข้าใจ



4. จากนั้นก็จะให้ท่านเข้าสู่พิธีถ่ายทอดเบิกธรรม

สำหรับท่านที่สวมแว่นตา ต้องขอความกรุณาถอดแว่นออกตอนเข้าพิธี

ซึ่งอาจารย์จะบอกให้ท่านปฏิบัติตามหลายๆ อย่าง รวมถึงกล่าวคำภาษาจีนด้วย (บางสายธรรมใช้ภาษาไทย)

ซึ่งก็คือ มหาปณิธาน 10 ประการ เปรียบเสมือนการกล่าวคำขอบวชจิต

เนื้อหาใจความก็คือ การตั้งปณิธานที่จะปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

และรักษาความลับของฟ้าเบื้องบน ขอให้ท่านพูดตามพิธีกรในพิธี เพื่อความเป็นศิริมงคลของท่าน



[ สรุปจบ ]

การศึกษาในหัวข้อทำไมต้องรับธรรมะ ก็ต้องยุติลงเพียงเท่านี้

หากมีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง เนื้อหาไม่สมบูรณ์ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ฟ้าเบื้องบน เมตตาประทานอภัย นักธรรมอาวุโสทุกท่านโปรดชี้แนะ

No comments:

Post a Comment