
วันหนึ่ง เขาได้ข่าวว่าที่มณฑลเสฉวนมีพระอาจารย์อู๋จี้ต้าซือมีบารมีสูงส่ง ปฏิปทางดงามยิ่งนัก หยังฝู่จึงลาพ่อแม่เดินทางไกลเพื่อไปกราบนมัสการท่าน
ระหว่างทางที่จะเข้าเขตมณฑลเสฉวน หยังฝู่ก็ได้พบนักพรตผู้บำเพ็ญท่านหนึ่ง ดูท่าทางน่าเลื่อมใสจึงได้แวะทักทายพูดคุย
นักพรตเอ่ยถามเขา ว่า " เจ้ามาจากไหน ไป เสฉวนด้วยประสงค์อันใดหรือ "
" ข้าผู้น้อยมาจาก มณฑลอันฮุย ใคร่ที่จะมากราบเฝ้าชมบารมีพระอาจารย์อู๋จี้ต้าซือที่มณฑลเสฉวนนี่ !"ชายหนุ่มตอบ

"ข้าผู้น้อยก็อยากจะกราบพระพุทธะ แต่ไม่อาจพบได้ จึงได้แต่แสวงหาพระอาจารย์ผู้บำเพ็ญดี " ชายหนุ่มตอบ
" ขณะนี้มีพระพุทธะองค์หนึ่ง ท่านจะครองเสื้อคลุมและสวมรองเท้ากลับข้าง จะปรากฏขึ้นที่ประตูบ้านของเจ้า "

จากมณฑลเสฉวนกลับอันฮุยจะต้องใช้เวลาเดินทางถึงหนึ่งเดือนกว่า...
หยังฝู่กลับถึงบ้านพอดีเป็นเวลาค่ำมืดแล้ว เขาเคาะประตูบ้านเรียกแม่ให้เปิดประตู
ฝ่ายหญิงชราผู้เป็นแม่ ตั้งแต่ลูกจากไป ก็ได้แต่นับ วันเวลา ไม่คิดว่าลูกจะกลับมาเร็วเกินคาดอย่างนี้
ขณะนั้นเป็นฤดูใบไม้ร่วง อากาศค่อนข้างหนาวเย็นเมื่อได้ยินชัดว่าเป็นเสียงของลูก แม่ก็ผลีผลามลงจากเตียงกลัวจะช้าไปจึงรีบคว้าเสื้อคลุมมาใส่แล้วครึ่งวิ่ง ครึ่งเดินพลางสวมรองเท้าไปด้วย มาเปิดประตูรับลูก...

"พระพุทธะองค์หนึ่งครองเสื้อคลุม สวมรองเท้ากลับข้างจะปรากฏขึ้นที่ประตูบ้าน "
"ใช่แล้ว พระพุทธะองค์นี้นี่เองที่เป็นดวงประทีปให้แก่ชีวิตของเรามาตั้งแต่เกิด ปกป้องคุ้มครองรักษาดูแลเอาใจใส่เราทุกเวลา แต่เรากลับละเลยมิได้เคารพบูชาเลย "
... สุภาษิตจีนตั้งแต่โบราณกล่าวไว้ว่า " ร้อยความดี ความกตัญญูมาเป็นอันดับหนึ่ง " ขาดความกตัญญูต่อพ่อแม่บุพการีทำความดีใดๆ ก็ไม่สมบูรณ์ แม้กราบไหว้บูชาพระ พระองค์ก็มิกล้ารับไว้ หากเคารพกตัญญูต่อบิดามารดา แต่ไม่มีเวลากราบไหว้บูชาพระ พระองค์ยังคงปกปักษ์รักษา เพราะพระองค์ทั้งหลายที่บรรลุแล้วก็สมบูรณ์ด้วยมรรคผลคุณความดีที่มีความ กตัญญูเป็นเบื้องต้นทั้งนั้น นั่นเอง.
No comments:
Post a Comment