Friday

พระในบ้าน อีกเล่มหนึ่ง


การบำรุงพระในบ้าน
ก็รู้แล้วว่า พระในบ้านนั้น คือใคร ยังเหลืออีกเพียงขั้นตอนเดียวเท่านั้น คือ ทำอย่างไรจึงจะทำให้พระในบ้านมีความสุขความสบายใจได้บ้าง ให้ท่านได้มีโอกาสชื่นชมยินดีในความสำเร็จของลูกหลานทันเวลาก่อนที่จะลาโลก ไป และให้ท่านได้มีโอกาสพักบ้าง หลังจากได้ตรากตรำทำงานหาเลี้ยงลูกมาจนถึงวัยปูนแก่แล้ว คือ ช่วยยืดอายุให้ท่านอยู่กับเรานานๆ นั่นแหละ โอกาสที่จะทำได้อย่างว่านั้น สำหรับลูกๆ แล้วมีตลอดไป และมีมากเสียด้วย เว้นไว้แต่จะไม่ยอมมอบโอกาสเช่นนี้ให้พ่อแม่บ้างเท่านั้น เพราะปกติเรามักจะอ้างกันอยู่เสมอว่าไม่มีเวลา ไม่มีโอกาส โดยเฉพาะสำหรับพ่อแม่ แต่สำหรับกิจการอื่นๆ หรือการแสวงหาความสุข การใช้เวลา การใช้เงินใช้ทองไปบำรุงบำเรอผู้อื่นนั้น เราช่างมีเวลาโอกาสเหลือเฟือพอที่จะทำได้เสมอๆ โดยมิพักต้องกังวลหรือคิดหน้าคิดหลังเสียด้วยซ้ำไป การบำรุงท่านเป็นวิธีการเดียวที่ถูกต้องและสมน้ำสมเนื้อกับคุณข้าวป้อนน้ำนม รวมทั้งหยาดเหงื่อแรงงานที่ท่านได้ลงไว้กับเรา เพื่อให้เราดีจนกระทั่งเรามีหลักฐาน มีงานทำอยู่ทุกวันนี้ ตามหลักธรรมะหรือจะพูดให้ชัด คือหลักธรรมตามสัจธรรมอันเป็นเรื่องจริง และเป็นธรรมชาติธรรมดาของโลก การบำรุง พ่อแม่เพื่อตอบแทนพระคุณท่านั้นเราอาจทำได้หลายวิธี เป็นต้นว่า การเลี้ยงดูท่าน การช่วยเหลือท่านทำกิจการงานต่างๆ บรรดามีการประพฤติตนให้ดี มิให้ท่านมีมลทินเสียชื่อเสียงไปด้วย การดำรงอยู่ในโอวาสคำตักเตือนแนะนำของท่าน การรักษามรดก ทั้งมรดกที่เป็นเลือดเนื้อคือตัวเราเอง และมรดก คือทรัพย์สินที่ท่านมอบไว้ให้ด้วยดี ไม่ให้มรดกนั้นมลายสูญไปเพราะตัวเรา และใช้มรกดกของท่านให้เกิดดอกออกผลงอกเงยขึ้นมาให้ยิ่งๆ ขึ้นไปกว่านั้น การบำรุงพ่อแม่นั้น เราอาจทำได้ทุกเวลาและทุกโอกาสและทุกวัย เพราะไม่ยากจนเกินไปหากจะทำ แม้ว่าเราจะมีครอบครัวไปแล้ว แม้ว่าเราจะแยกกันอยู่ต่างหากจากพ่อแม่หรือไปอยู่ห่างไกลในหนใดก็แล้วแต่ ก็ยังพอทำได้เช่นกัน อย่าได้นึกเลยว่าอยู่ไกล คิดว่าท่านล้มหายตายจากไปแล้ว จะไปบำรุงท่านที่ไหน การบำรุงพ่อแม่ไม่ใช่เพียงต้องเลี้ยงดูท่านอย่างเดียว เราอยู่ที่ไหรท่านก็ไปอยู่กับเราที่นั่น เราขึ้นเขาลงห้วย เราไปอยู่ในสมาคมคนดีหรือคนเลว ท่านก็ไปกับเราด้วย ก็ตัวเรานี่แหละที่เป็นเสมือนตัวท่านเป็นตัวแทนของท่าน และเป็นส่วนหนึ่งที่แยกภาคมาจากท่าน เพราะตัวเราคือเลือดเนื้อเชื้อไขจากสายโลหิตของท่าน แต่การบำรุงพระในบ้านที่สำคัญเป็นอันดับแรกที่เราควรทำเป็นอย่างยิ่งก็คือการเลี้ยงดูท่านให้เป็นสุขเพราะ การเลี้ยงดูเป็นการต่อเติมชีวิตของท่านให้อยู่นานๆ เท่ากับเป็นการเพิ่มเติมพลังกายพลังใจให้ท่านนั่นเอง และเป็นการสนองระคุณท่านในขณะที่ท่านยังมีลมหายใจอยู่ ทั้งเป็นการแสดงน้ำใจของเราให้ท่านเห็นด้วย คนเราจะรู้ว่าใครดีไม่ดีก็ต่อเมื่อได้เห็นน้ำใจกันก่อนน้ำใจย่อมมีค่าสูงและ มีพลังมากกว่าน้ำใดๆ ในโลก พระในบ้านปรารถนาเหลือเกินจะได้เห็นน้ำใจจากลูกๆ ที่ท่านอุตส่าห์เลี้ยงดูอุ้มชูมาแต่น้อยคุ้มใหญ่ แต่ความปรารถนาของพ่อแม่จะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับน้ำใจของเราผู้เป็นลูกเท่านั้น

**********************

การเลี้ยงพ่อแม่
พ่อแม่ได้ใช้ความพากเพียรพยายามตรากตรำหาเงินหาทองเลี้ยงดู ลูกมา กว่าจะโตได้แต่ละคนนั้นก็เลือดตากแทบกระเด็นร่างกายก็พลอยทรุดโทรมลงตาม ลำดับ อายุวัยก็เพิ่มขึ้น จนในที่สุดก็ต้องหยุดพักไปโดยปริยาย เพราะสังขารร่างกายไม่อำนวยให้ทำงานได้เหมือนเมื่อหนุ่ม แม้ว่าจิตใจจะแข็งแกร่งอยากทำสักปานใดก็ไม่อาจฝืนธรรมชาติของสังขารได้ ตอนนี้แหละเป็นโอกาสของลูกแล้วที่จะได้ตอบแทนใช้หนี้บุญคุณท่านด้วยการ เลี้ยงดูท่านบ้างตามความเหมาะสม เพราะหากลูกไม่เลี้ยงพ่อแม่ตอนนี้แล้วใครจะเลี้ยง? จะให้ท่านไปอยู่สถานสงเคราะห์คนชราหรือ อาจทำได้แต่เท่ากับว่าส่งท่านให้ไปอยู่ในคุกในตะราง หรือไปทรมานใจอยู่ในนั้นมากกว่า เพราะสถานที่เช่นนั้นมันจะว้าเหว่และเหมือนกันอยู่โดดเดี่ยวสักเพียงไหน และเป็นสถานที่สำหรับคนที่ไร้ญาติขาดมิตร หรือคนที่ลูกหลานไม่เลี้ยง ไม่เอาใจใส่แล้วเท่านั้น เราลองคิดและนึกวาดภาพดูก็แล้วกัน ในหมู่คนแก่ที่แปลกหน้าไม่เคยรู้จักมักคุ้นกันมาก่อน และท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอ้างว้าง เดียวดายของคนแก่แต่ละคน จะผิดอะไรกับส่งท่านไปตายแบบผ่อนส่งเล่า เราใจถึงพอที่จะส่งท่านไปอยู่ ณ สถานที่เช่นนั้นหรือ ? แต่ ก็มีคนแก่อีกจำนวนไม่น้อยที่พอใจจะอยู่ในที่เช่นนั้น ซึ่งตนรู้ดีว่าไม่สุขสโมสรหรือน่ารื่นรมย์เท่าไรนัก แต่ก็พอใจจะอยู่ เพราะเห็นว่ายังดีกว่าอยู่บ้านของตัวหรือบ้านของลูกหลาน ซึ่งเป็นเสมือนขุมนรกของท่าน มีลูกมีหลานก็เหมือนคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกันมาก่อน จะพูดจะจาทักบ้างก็ไม่มี จะถามไถ่สุขทุกข์บ้างก็ไม่เคยได้ยินอยู่ไปก็ถูกด่าสารพัดหาว่าเกะกะบ้านบ้าง ละ เมื่อได้ยินลูกหลานพูดเข้าทำนองนี้ขืนอยู่ไปก็รังแต่จะน้อยใจ ช้ำใจและอึดอัดใจเปล่าๆ เลยขอไปให้พ้นๆ บ้านเสีย ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่าและก็มักจะตายด้วยดาบหน้าจริงๆ อย่างที่ตั้งใจไว้เสียด้วยซี การเลี้ยงพ่อแม่ให้อยู่ดีมีสุขตามสมควรนั้น หากจะให้สมบูรณ์แล้วต้องเลี้ยงท่านสองทางคือ - เลี้ยงร่างกาย - เลี้ยงจิตใจ

*********************************

การเลี้ยงร่างกายพ่อแม่
การเลี้ยงร่างกายพ่อแม่นั้นออกจะไม่ยากนัก เพราะคนแก่ อยู่ง่ายกินง่ายอยู่แล้ว ไม่ค่อยพิถีพิถันในเรื่องการกิน การนอนนักเพียงให้ข้าวให้น้ำ ให้ที่อยู่อาศัย ให้ยากรักษาโรคและให้เครื่องนุ่งห่ม อันเป็นปัจจัยจำเป็นสำหรับชีวิตแก่ท่านก็เพียงพอแล้ว สำหรับเลี้ยงร่างกายให้อยู่รอดไปวันๆ และดูเหมือนว่าจะไม่สิ้นเปลืองเท่าไรด้วย หากคิดเปรียบเทียบกับที่ท่านเลี้ยงเรามา การเลี้ยงเท่านี้ไม่น่าจะต้องเป็นกังวลสำหรับลูกเลย ลองนึกย้อนหลังดูทีหรือว่าเมื่อเราเป็นเด็กนั้น เรากินเราใช้เปลืองกว่านี้ ข้าวก็ต้องอย่างน้อยวันละ 3 มื้อ เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มปีหนึ่งนับชุดไม่ได้ ขนมนมเนยต่างหาก เครื่องประดับต่างหาก ทั้งการใช้จ่ายเพื่อความสนุกสนานแลความสำราญต่างๆ ก็ต่างหาก เปลืองอย่างนี้ทำไมพ่อแม่ยังหาเลี้ยงเรามาได้ และไม่ใช่เฉพาะเราเท่านั้นลูกของพ่อแม่อื่นๆ ซึ่งก็เป็นพี่น้องเรานี้แหละ ท่านก็หาให้เหมือนๆ กันทุกคนเปลืองพอๆ กัน ซ้ำยิ่งโตยิ่งเปลืองหนักเข้าไปอีกพอถึงคราวที่เราจะต้องเลี้ยงท่านให้อิ่ม หนำสำราญบ้าง ทำไมเราจึงทำไม่ค่อยได้? เคยเห็นอยู่ออกบ่อยไป ที่ลูกบางคนเวลาพ่อแม่ยังมีชีวิต อยู่ไม่เคยดูดำดูดี ไม่เคยที่จะสนใจเหลียวแหลนักท่านจะสุขทุกข์ แม่ไปเยี่ยมเยียนบ้างก็ตั้งท่ารังเกียจ พ่อแม่ไปอยู่ด้วยก็พูดกระทบกระทียบให้เจ็บช้ำน้ำใจเล่น กล่าวหาว่าเกะกะบ้านทำอะไร ไม่ได้เรื่องได้ราว สารพัดจะหาคำพูดมาประหัตประหารน้ำใจ เวลาท่านตายจากไปก็นำศพของท่าไปจัดตามประเพณี และจัดอย่างสวยหรูเสียด้วยทั้งนี้ เพราะหากไม่ทำจะถูกคนอื่นนินทา หรือทำให้เสื่อมเกียรติของตนไป ดอกไม้จัดอย่างแพรวพราวประดับประดาเสียจนผู้อื่นเห็นแล้วอยากจะตายและถูกทำศพอย่างนี้บ้าง แถมยังจัดสำรับกับข้าวอย่างดีไปวางไว้ที่ข้างๆ โลก ข้างๆ ศพ กลัวท่านจะไม่รู้เคาะโลงเรียกให้พ่อแม่มากินเสียอีก พ่อมากินเสีย แม่มากินเสียโธ่เอ๋ย! ยามท่านมีลมหายใจ ยังจะกินได้ไม่ยักเรียกท่านให้มากิน ไม่ยักยกไปให้ท่านกินบ้าง ภาพอย่างนั้นมันควรจะมีตอนที่ท่านมีลมหายใจอยู่ มากกว่าตอนที่ท่านไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยอย่างนั้น ท่านจะรู้หรือเออออไปกับเราด้วยหรือไม่ เราก็ไม่ทราบ ท่านอาจจะไม่กินของเราก็ได้ แต่เราก็มักทำกันโดยมาก บางทีทำเพื่อความสบายใจ ของตัวเองก็มี เฮ้อ! คนอย่างนี้ก็มีด้วย บางคนต่อเมื่อพ่อแม่ตายไปแล้ว จึงเกิดความรักคิดถึงท่าน บ้านก็เงียบเหงา เคยมีเสียงบ่น เคยมีเสียงตักเตือนสั่งสอน เคยมีหลักอยู่ในบ้าน แม้จะเป็นเพียงหลักที่ลูกมองเป็น หัวตอก็ตามที พอท่านตายจากไปเสียงนั้น ก็หมดไปหลักบ้านก็ขาดหายไป ทำให้เกิดความเงียบเหงาวังเวง มันเหมือนกับบ้านขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง คิดไปคิดมาก็นึกถึงพ่อแม่ได้ ยิ่งตอนที่ลูกตัวเองไม่เอาใจใส่ดูดำดูดี หรือเถียงคำไม่ตกฟากด้วยแล้ว จะเหลือก็เพียงรูปถ่ายไว้ให้ดูต่างหน้าหรือกองกระดูกไว้เป็นตัวแทนเท่านั้น ตอนนี้แหละจะมองเห็นความสำคัญของท่านขึ้นมา แต่ก็สายเสียแล้วกว่าจะรู้ว่าท่านสำคัญก็หาตัวท่านไม่ได้เสียแล้ว ก็เข้าทำนองที่ท่านว่าไว้นั่นเทียวว่า คนเราจะรู้ว่าอะไรมีค่ามีความสำคัญ ก็ต่อเมื่อสิ่งนั้นได้หลุดจากมือไปแล้วแล้วที่บ้านของท่านเล่า ยังมีพระในบ้านซึ่งมีค่ามีความสำคัญ ที่ยังไม่หลุดจากมือไปหรือไม่ ตอนที่พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านเปรียบเสมือนต้นโพธิ์ต้นไทร ใบดกหนา มีร่มเงาอันเย็นสบาย ที่บรรดาลูกๆ จะพึงเข้ามาพี่งพาอาศัยได้ทุกเมื่อทุกคราว แม้จะโผผินจากไปแล้ว แม้จะถ่ายรดหรือจิกกินลุกผลจนหมด หรือหักรานกิ่งก้านสาขาไปแล้วหวนกลับมาพึ่งร่มโพธิ์ร่มไทรต้นเดิมอีก โพธิ์ไทรนี้ก็ยังมีร่มให้ลูกๆ ได้พักชื่นพร้อมเสมอที่จะให้ความเย็นแก่ลูกทุกคนทุกครั้ง พอท่านล้มหายตายจากไปนั้นแหละลูกๆ จึงหมดที่พึ่งหมดร่มเงาอันเย็นสนิทไป แม้จะคิดถึงโพธิ์ไทรต้นนี้ก็หมดหวัง จึงต่างก็ต้องแยกย้ายกันไปคนละทิศละทางรวมกันได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เข้ากันไม่ติดบ้าง ทะเลาะกันเองบ้างไปตามเรื่องตามราว บางทีไม่พบกันเลยตลอดชีวิตก็ยังมี นี่แหละท่านจึงว่า - ขาดพ่อเหมือนถ่อหัก - ขาดแม่เหมือนแพแตก ไม่มีพ่อนะเพียงแค่เหมือนคนล่องแพไปตามน้ำบังเอิญถ่อที่เคยใช้พยุงแพคัดแพให้ตรงร่องน้ำ ให้พ้นเกาะแก่งโขดหินในท้องน้ำมาหักเสียกลางคัน แพก็ยังจะประทังตัวเองให้ล่องลอยไปตามกระแสน้ำได้ จะกระทบโขดหินจะติดเกาะติดแก่งทำให้คนบนแพ ล้มลุกคลุกคลานไปบ้างก็ยังดี แต่พอแพแตกนี่สิ หมดที่พึ่งเอาเสียจริงๆ พอแพแตกเท่านั้น คนบนแพก็จะแตกกระสานซ่านเซ็นล่องลอยไปตามกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก ที่แข็งแรงหน่อย ก็พอจะพยุงตัวลอยคอไปถึงฝั่งได้บ้าง ที่อ่อนแอก็อาจถึงกับจมน้ำตายไปเลย หรืออาจจะรอดได้หมด แต่ก็ต้องถูกกระแสน้ำพัดพากระทบเกาะแก่ง โขดหินในลำธาร ให้แขนขาเนื้อตัวถลอกปอกเปิกไปตามๆ กัน ผู้ที่ยังมีทั้งถ่อทั้งแพนี่ นับว่ายังมีโชคดี ประคับประคองไว้ให้ดีเถิด

No comments:

Post a Comment