ท่านเว่ยหล่าง ได้ไขความจริงว่า
"แท้จริงมิใช่เพราะลมหรือธง
แต่เพราะท่านฟุ้งซ่านไม่สงบ ไปเห็นลมพัด ไปเห็นธงสะบัตต่างหาก"
ฉะนั้น ทุกเวลาพึงสำรวมจิต มีความรู้ตื่น รู้แจ้งเปล่งประกายสง่างาม อีกยังรู้ปลุกให้คนอื่นรู้ตื่น รู้แจ้ง ทุกเวลา เพื่อจิตเดิมแท้กลมใสบริสุทธิ์ รัศมีแผ่ซ่านจักรวาล บำเพ็ญประโยชน์สู่เวไนย ดั่งนี้ จึงจะเรียกได้ว่า ไม่ผิดเพี้ยน
เวไนย ล้วนมีจิตพุทธะ เพียงแต่ยังหลับ หลงไม่รู้ทาง ฉะนั้น แก้โดยมองด้วยอาการเห็นตนไม่ใช่ผู้วิเศษ และไม่เห็นเวไนยด้อยไปกว่าตน เพราะพุทธจิตเดิมนั้น ต่างพร้อมสมบูรณ์ในตนอยู่แล้ว มีความเสมอภาค จึงไม่ควรเย่อหยิ่ง ไม่ควรจองหองลำพอง และไม่พึงน้อยเนื้อต่ำใจ ไม่ตัดพ้อ ดั่งพระวจนะหนึ่งกล่าวไว้ว่า
- "การดูเบาผู้หนึ่งผู้ใด ถือเป็นการสร้างผิดบาปอันประมาณมิได้"
- ที่เป็นเวไนยเพราะ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่สั่งสมในอดีต จึงก่อให้มี ภพคือการเวียนว่าย มีชาติคือการเกิด จึงต้องรับผลแห่งกรรมนั้นด้วยตนเอง
- วันนี้ คุณอันสูงส่งล้ำค่าของหนึ่งจุดชี้พระวิสุทธิอาจารย์นั้น คือพาเราก้าวล่วง ก้าวพ้นทวิภาวะ หลุดพ้นสู่วิมุตติ
- ด้วยหนึ่งจุดชี้พระวิสุทธิอาจารย์ ชี้ตรงให้เห็นอนุตตรกายหรือธรรมกาย ที่เป็นตัวกำหนดชะตาชีวิต เช่น กำหนดในความยากจนต่ำต้อย ร่ำรวยสูงศักดิ์ ชะตาชีวิตสั้นยาว ราบรื่น อัตคัด พระวิสุทธิอาจารย์ยังนำเราทะลวงก้าวพ้นสภาวะอินหยาง ดีชั่ว เคราะห์ภัย โชควาสนา การแบ่งชนชั้นวรรณะ จึงได้ชื่อว่าวิถีแห่ง เอกธรรมมรรค
- พึงให้กำลังใจซึ่งกัน รู้ใช้แสงแห่งปัญญาญาณ ไปทลายอนุสัยแห่งจิตเป็นวิบากกรรมดีชั่วแต่ปางก่อนเป็นสิ่งที่จิตสั่งสมและเคยชินภายใต้ชะตาชีวิตกำหนด
- เราท่านจะถ่องแท้ทะลุปรุโปร่งได้ ต้องดูว่าตนได้ใช้ ธรรมชาติแห่งจิตพุทธ ดำรงชีวิตหรือไม่ ได้ตกอยู่ในอำนาจแห่งชะตาชีวิตกำหนดหรือไม่ ได้วกวนในรูปลักษณ์หรือเปล่า ลองย้อนถามใจตนดู
No comments:
Post a Comment