- พึงพากเพียร สู่การเห็นแจ้งธรรมชาติจิตเดิมแท้แห่งตน พึงตั้งเป้าหมายในการใช้ชีวิตบนโลกโลกีย์ ซึ่งเป็นโลกแห่งวัตถุ โดยใ้ช้นายของกายคือจิตพุทธะ อันเป็นตัวตนแท้จริงในการดำรงชีวิต เช่นนี้จักรู้แจ้ง จักไม่ลุ่มหลงในโลกแห่งวัตถุ
- ไม่พึงปล่อยใจตามอินทรีย์หก ถลำไปในกามคุณหก จนวกวนเวียนใน สรรพลักษณ์ สรรพปัจจัย และสรรพวิถีนอกรีต อันเป็นเหตุสร้างอุปนิสัยเกิดการแบ่งแยก เลือกที่รักมักที่ชัง เป็นเหตุพาจิตติดยึดผูกพัน เป็นเหตุให้จิตเดิมแท้โดนห่อหุ้ม พึงรู้ว่า พันหมื่นปัจจัยมีรวม ย่อมมีแยกจาก มีเพียงแต่จิตเดิมแท้แห่งตน ไม่เกิดไม่ดับ มาจากที่เดียวกัน นั่นคือ อนุตตรภูมิ และมีพระอนุตตรธรรมมารดาองค์เดียวกัน
- พึงรู้ใช้จิตปกติ สังเกตความไม่เที่ยงของสรรพปัจจัย ใช้ธรรมชาติจิตพุทธะสังเกตสังขตธรรม(สิ่งที่มีปัจจัยปรุงแต่ง) เมื่อเห็นแจ้งเช่นนี้ พึงรู้ว่า
เราก็จะเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ
ไม่ว่าชีวิตตนจะมีอุปสรรค
เราก็จะเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ
ไม่ว่าชีวิตตนจะรุ่งเรือง
เราก็จะเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ
ไม่ว่าชีวิตเราจะตกต่ำ
เราก็จะเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ
พึงปลูกฝังตน ให้เห็นความโชคดี และเคราะห์ร้ายนั้นไม่เที่ยง ไม่แน่นอน รู้ฟื้นฟูจิต คืนสู่สภาพธรรมชาติแห่งพุทธา ดั่งพระโพธิสัตว์กวนอิม เมตตากล่าวไว้ว่า
" อย่าให้ปรากฏการณ์ใด ๆ
เป็นเหตุให้จิตคลุมเครือฟุ้งซ่านไม่สงบ
อย่าให้ความราบรื่น
พาตนสุขใจจนลืมตัว
อย่าให้อุปสรรค พาจิตทุกข์ระทมจนเกินเหตุ
ควรรู้ชีวิต กำหนดชีวิต บรรลุจุดมุ่งหมายชีวิต จึงรับมือกับ
ความไม่เที่ยงของสรรพปัจจัย สรรพภาวะได้ "
No comments:
Post a Comment