Monday

เกร็ดธรรมะ - พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง


ศุภนิมิ แปลเรียบเรียง







ชีวิต

ผ่านมาแล้วกี่ครั้ง

แล้วยังอีกเมื่อใด

ที่เกริกไกรใหญ่ยิ่ง หรือทิ้งไปดั่งผักหญ้า

เวียนว่ายเกิดมาตายไป







เรื่องใหญ่ของชีวิตคือ

จะต้องรู้คุณค่าและความหมายของชีวิต







ชีวิตมิใช่ดับสูญ

แต่สืบเนื่องเรื่อยไปในเหตุและผล

และจากผลเป็นเหตุต่อไป







ชีวิตนิรันดร์ ดี งาม อยู่ที่จะเจ้าจะสามารถ ใช้ ปัญญาแยบยลไปค้นพบความเป็นอนิจจัง

แต่มิใช่ใฝ่หาความงามเฉพาะหน้า

เพราะ

ความงามเฉพาะหน้าทั้งหลายจะสูญหายไป กับกาลเวลาที่ไร้เยื่อใย

ชายชาตรีวีรชนแต่โบราณมา ไม่มีใครเคยพิชิต กาลเวลาฟ้าดินได้

ดังนี้ เมื่อชีวิตสัน ๆ ไม่อาจอยู่ยง จึงต้องเอาเวลา สัน ๆ นี้สร้างความยาวนาน

คนฉลาดจึงรู้จักใช้เวลาสัน สร้างอริยภาพ อันนิรันดร







หวังให้คิษย์ยึดถือคุณความดีเป็นหลัก

แม้เจ้าจะเกิดไม่ทันพระพุทธอริยเจ้า

แต่ปฏิปทาจริยวัตรของพระองค์

เจ้ายังคงแสวงได้

แม้เจ้าจะไม่เคย

สดับพระวจนะของพระองค์โดยตรง

แต่สัจธรรมของพระองค์

เจ้ายังคงเรียนรู้ได้

เมื่อเจ้าคิดจะเป็นเช่นอริยะ

จึงเลือกสิงที่เจ้าต้องการเรียนรู้เสียก่อนว่า

จะเป็นเช่นพระองค์ใด

เริ่มจากกำหนดหมาย

จนกระทั่งเป็นไปโดยมิต้องกำหนด

ตามลีลารอยพระบาท ลังสมจนสมบูรณ์

บำเพ็ญจนจิตญาณกลมใส

บารมีแผ่ไพศาล







เมื่อปราศจากความคิดหลากหลาย

ใจย่อมใสสงบ







อย่าตั้งความมุ่งมั่นทุกวันไป

แต่ให้ตั้งความมุ่งมั่นอันยืนยง







ฟ้าให้วาสนาฉันน้อยไป

ฉันยังคงน้อมรับไว้ด้วยคุณธรรม







ผู้รู้เพียงพอในสิงที่ได้

ฟ้าไม่อาจให้เขายากจน

ผู้รู้อดทน

ฟ้าไม่อาจให้เขาประสบภัย

ผู้สามารถเสริมสร้างคนดี

ฟ้าไม่อาจให้เขาเดียวดาย

ผู้แบกรับงานใหญ่ของชาวโลกได้

ฟ้าไม่อาจให้เขาจนหนทาง







บำเพ็ญธรรมคือ

อริยภาพกายใน (เน่ยเชิ่ง)

ที่สุดของอริยภาพคือ

มรรคผลนิพพาน บรรลุพระพุทธอริยฐานะ

การปฏิบัติธรรมคือ

ศักดานุภาพภายนอก (ไอว้อํวง)

ที่สุดของดักดานุภาพคือ

สำเร็จภาระในการฉุดช่วยเวไนยสัตว์

เพื่อให้โลกเป็นเอกภาพ







การคุกเข่ากราบ แท้จริงคือกราบตัวเอง

กราบจิตญาณของเจ้าเอง

จิตญาณคือพุทธะ

พระพุทธะจะหาได้ ณ ที่ใด

จิตญาณของเจ้าเองก็คือพระพุทธะ

เจ้าก็คือโพธิสัตว์

แล้วยังจะเที่ยวกราบพระที่ไหน

จุดนี้ หากเจ้าเข้าใจจริง

สิบปีล่วงแล้วเจ้าก็ยังบำเพ็ญ

ยี่สิบปีก็บำเพ็ญ

อยู่จนอายุร้อยปีเจ้าก็ยังคงบำเพ็ญ

หากเจ้าไม่เข้าใจจุดนี้ ก็พึงระวังให้ดี

รูปสักษณ์ภายนอกมากมาย

จะทำให้เจ้าหลงผิด ถลำไป









หลงพอใจความสุขเฉพาะหน้า

อุปมาดั่งสลํเดเสั'อกลางฝ่น

และไม่ต่างอะไรก้บล้างเท้าในนํ้าโคลน









อารมณ์มิให้พล่าน

ใจมิให้ลำพอง

ความสามารถมิให้โดดเด่น

เริเอไหมว่าฉูดฉาดสู้เรียบง่ายไม่ได้

เบ่งบานไวส้ช้ากว่าแต่สมบรณ์ผลไม่ได้







พุทธจิตแม้จะแกร่ง แรงกิเลสทำให้วุ่นได้

แรงกิเลสแม้จะร้าย ปัญญายังอาจกำจัดได้







หนึ่งนิ้วจุดเบิกจากพระวิสุทธิอาจารย์

แม้จะผ่านพ้นเกิดตาย

แต่สิ่งที่เจ้าต้องทำต่อไปคือ

ลบล้างอุปกิเลสเคยชินที่แล้วมาให้หมดสิ้น

มิฉะนั้นยังคงต้องเวียนว่ายต่อไปในวัฏสงสาร

ใครจะเอาอย่างเราจึ๋กง

เจอคนเกเรกลั่นแกล้ง

ก็แสร้างทำเซ่อหนวก บอดไม่ยินยล

จึงพ้นภัยไม่ต้องวุ่นวาย









ผู้น้อยให้สำนึกในพระคุณทุกขณะ

ผู้ใหญ่ให้ความรักโอบอุ้มเสมอ

ความขัดแย้งย่อมไม่มี

เช่นนี้โลกจะสมานฉันท์

ความสัมพันธ์ระหว่างคนจะสนิทสนมกลมกลืน









มีแต่ความรักเต็มอกต่อใคร ๆ

มิใช่เขาจะรับได้เสมอไป

ยังจะต้องให้ตามความเหมาะสม

เช่นเขาชอบกินหวาน เราก็ให้ของหวาน

แต่หากเขาชอบเค็ม เราให้ของหวาน

ความเหมาะสมย่อมผิดไป









อาจารย์หวังว่าเจ้าจะ

"รวยแต่ไม่หยิ่ง

จนแต่รักศักดิ์ศรี"

ยิ่งอยู่ในฐานะสูงยิ่งคำนึงถึงที่ตํ่า

"ให้เป็นดั่งรวงข้าว ยิ่งอวบอิ่มยิ่งโน้มลง"

รวยแต่ไม่ยโส

ฐานะตำแหน่งสูงยิ่งถ่อมใจ

สะสมเงินทองแม้มากมาย ก็ไม่ส์สะสมคุณธรรม









การคบหากับใคร ๆ ให้จริงใจเคารพกัน

พบหน้าเสวนาเป็นปกติธรรมดา

แต่คงความสัมพ้นธ์ยาวนานไม่เปลี่ยนแปลง







ผู้บำเพ็ญชาย

ให้ใช้ธาตุกายกระดูกแกร่ง (ให้รักดี)

ผู้บำเพ็ญหญิง

มิให้ใช้ธาตุกายไปตามอารมณ์(ให้สุขุม)









เขามิปมด้อยอย่าไปเปิดโปง

เขามิความลับอย่าไปเที่ยวไข

พูดแต่ความดีของเขาตนก็เป็นคนดีไปด้วย

บุญคุณต้องคิดตอบแทน

เคือง แค้นจะต้องลบลืมให้สิ้น









ต่อตนเอง :

ให้ค้นหาความผิดในความถูกต้อง

จะไม่เพียงเสรมสร้างคุณงามอีกทั้งยังป้องกันภัย

ต่อผูอี่น :

ให้ค้นหาความถูกต้องในความผิด

จะไม่เพียงเสริมสร้างใจอารี

อีกทั้งยังคลี่คลายใจแค้นเคือง









ทุกขณะจะรอบคอบสำรวมตน

ทุกแห่งหนให้เรียกร้องจากตัวเอง









ผิดให้รู้แก้ไข จะแก้ไขต้องให้รู้แท้

เมื่อร้แท้

จึงเรียุกร้องความถูกต้องจากตนเองได้

ให้เอาจิตใจที่ชอบตำหนิผู้อื่นตำหนิตน

ให้เอาจิตใจที่ชอบอภัยแก่ตนอภัยแก่ผ้อื่น









รู้อื่นนั้นง่าย รู้ตนนั้นยาก

ตนผิดอภัยตนได้ง่าย

คนอื่นผิดยากจะคิดให้อภัย









คนมองเห็นข้างหน้าไกลไปร้อยก้าว

แต่ยากจะเห็นกลางหลังของตัวเอง

นัยน์ตาอาจมองหาฝ่นละอองละเอียดเล็ก

แต่ไม่อาจเห็นขนตาบนใบหน้าของตนเอง

ฉะนั้นจึงกล่าวว่า

ผู้เห็นความผิดตนเสมอ

เป็นผู้เหมาะแก่การบำเพ็ญ







ไม่ยอมรับสิ่งอันเป็นมิจฉาอบายใด ๆ

ความชั่วร้ายจะพ้นไปเอง

รูป รส กลิ่น เสียง กิเลส ตัณหา.............

ทุกอย่างที่ยั่วเย้าให้ใจเราป่นปวนวุ่นวาย

สิ่งแปลกปลอมที่ก่อกวนจิตสงบใสของเรา

ล้วนเป็นมิจฉาอบาย

หากเราไม่แยแสเหมือนไม่เย้าแหย่ให้แมลงตอม

ความชั่วร้ายย่อมห่างไกลไม่อาจทำร้ายเราได้

หากเพียงแต่คิด "ช้เก" "นำ"

จิตญาณสมบูรณ์ก็ถูกทำลาย

ความบริสุทธิ้ก็ขาดหาย

แม้หนทางโอฬารงามสง่าอยู่ตรงหน้า

มิจฉาอบายก็บดบัง

ผู้บำเพ็ญจึงพึงระวังให้จงดี









กุศลกรรมภายนอกเป็น กระบวนยุทธ (บู๊)

กุศลจิตภายในเป็น อักษรศิลป์ (บุ๋น)

คนที่มีแต่ความสามารถภายนอก

แต่ไม่มีสุนทรียภาพภายใน

เปรียบได้ดั่งปลอกหมอนที่ปักลวดลายวิจิตร

แต่ห่อหุ้มเศษวัสดุหยาบ ๆ ไว้

หรือเหมือนฉาบฉวยด้วยอัญมณีประดับกาย

แต่ซ่อนความเน่าร้ายอยู่ภายใน







เก็บจิตใจที่สับสนวุ่นวายกลับคืนมา

วางลงให้มั่นคงสงบนิ่ง

โลกภายนอกนั้นอลวน

ภาวะผูกพันกับภายนอกก็ก่อกวนกัน

ด้วยจิตดวงเดียวนี้

จะสลัดทุกสิ่ง ขจัดทุกสิ่ง

และวางทุกสิ่งลงได้









หมื่นธรรมารมณ์เกิดดับด้วยจิตดวงนี้

เวลานี้เป็นเวลาที่ปัญญาของทุกคนเฟื่องฟู

เป็นเวลาฉุดช่วยจิตญาณของตนเอง จำไว้ให้ดี

จิตญาณของตน ตนจะต้องเป็นผู้ฉุดช่วย

เมล็ดพันธุที่ปลูกเพาะการเวียนว่าย

จะต้องอาศัยตนเองเป็นผ้ทำลาย









บนหนทางกงกรรม เพียงแต่ทำลายอวิชาเสีย เท่านั้นก็หลีกหนีได้โดยไม่ต้องอาศัยอิทธิปาฏิหาริย์ไดๆ ภายนอกช่วยให้เลย

มุ่งมั่นเจริญรอยตามแบบอย่างพระอริย พระ บรรพจารย์

เอาความมุ่งมั่นของพระอาจารย์เป็นความมุ่งมั่นของเจ้า

เอาพระทัยฟ้าเบื้องบนเป็นจิตใจของเจ้า

เอาเยี่ยงอย่างคุณงามของทุกพระองค์

ไม่ว่าจะเดินหรือวิ่งไป สุดท้ายได้บรรลุ

ไม่กลัวช้า กลัวหยุด กลัวที่สุดคือหันหลงให้

หากความมุ่งมั่นไม่เปลี่ยนไป เหมือนกระต่ายแข่งกับเต่า สุดท้ายเต่าก็ได้ชัยชนะ

หากเจ้าเดินให้ตรงตามแนวทางที่พระพุทธะ อริยะเจ้าเคยเดินมาแล้ว

เจ้าก็จะไม่ต่างกับพระองค์

พระองค์เป็นที่ล้กการะบูชาของคนทั้งหลาย

เจ้าจะไม่ใช่ได้อย่างไร









เมื่อเกิดการดำริตริตรอง

นั่นคีอจิตใจคน

นั่นคีอความฉลาด ไม่ใช่ธรรมะ

ฉลาดกับปัญญาต่างกัน

ปัญญาเกิดแต่จิตเดิมแท้จากฟ้า

ไม่เจาะจงเอนเอียง

เกิดความฉลาดก็จะเกิดความเจาะจง

จะเกิดการโต้ตอบ หวังผล...

เกิดความดำริตริตรอง

"ฉันจะไต้หริอเสียอะไรจากการนี้"

คนฉลาดชอบจะปีนป่าย ชอบจะแสดงตน

คนมีปัญญากลัวจะตกลงมาจากที่สูง

ด้วยสำนึกว่า

"ต้นไม้สูงจะต้านลม"

"ผู้ใช้ปัญญาจิงสูงด้วยความมุ่งมั่น

แต่ตํ่าแรงคะนอง"









คนหนุ่มสาวชอบชิงดี

ยังชิงดีกันในวงการธรรมะอีกด้วย

คนที่ถูกยกย่องจนจมอยู่ในความดี

ไม่แน่ว่าจะบรรลุได้

แต่คนที่ถูกละเลยก็มีไช่ว่าจะบำเพ็ญได้ใม่ดี

เพราะสิงที่เห็นล้วนเป็นมายา

มีความสามารถอรรถาธรรมได้เท่าไหร่ก็ว่าไป

อย่าเอารูปล้กษณ์ไปนำพาคนกล่อมเกลาคน

จะต้องใช้หลกสัจธรรม

เพราะสัจธรรมไม่เปลี่ยนแปลง







สังคมทั่วไปติดค่านิยมว่า

ปริญญานั้นสูงส่งที่สุด

แต่จะมีสักกี่คน

ที่ใช้ปริญญามาแสดงให้เห็นถึงหลักสัจธรรม





ศิษย์ทั้งหลาย:

เจ้าอย่าสำคัญตนว่าบารมีสูงส่ง

ได้ฉุดช่วยนำพาคนมามาก

เหนื่อยยากให้อภัยทานไปไม่น้อยฯ

ทุกคนคิดถึงบุญกุศลบารมีของตนใช่ไหม

ถ้าคิดเช่นนี้ ก็ตกอยู่ในความโลภ

อาจารย์จะเตือนเจ้า

คิดอย่างนี้ จะบรรลุได้ยาก







'โนกำหนดกาลฉุดช่วยครั้งใหญ่นึ้

เราทํ๋งหลายต่างมุ่งวิถีธรรมความเป็น พระพุทธะ

พร้อมก้บ่ฉุดช่วยนำพาผู้คน

จึงต้องวิริยะปฏิบัติบำเพ็ญ

และอรรถาธรรมตามควรแก่บุญวาระ

อรรถาธรรม

ไม่แบ่งความสูงตํ่าตื้นลึกหนา บาง

เพียงแต่

ให้เหมาะสมและถกแก่จริตเป็นใช่ได้









ความยากจนตํ่าต้อยเป็นสภาพของความทุกข์

แต่หากรู้จักการดำรงอยู่ในสภาพนั้นด้วยดีได้

ก็เป็นความสุข

ความรํ่ารวยสูงส่งเป็นสภาพของความสุข

แต่หาก

ไม่รู้จักการดำรงอยู่ในสภาพนั้นด้วยดีได้

ยิ่งเป็นความทุกข์









ไม่ปลูกพงรก อสรพิษไม่มาอาศัย

ศาลเจ้าไม่ดี เทพารักษ์ก็จากไป

เมื่อตัณหาไม่สิงใจ มารร้ายก็ไกลห่าง





แมลงเม่าบินเข้าเพลิงไฟ

ล้วนเกิดจากการประมาณตนผิด







ขุนเขาจะย้ายง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ

อยู่ที่ถือสัจจะ

ลงนรกขึ้นสวรรค์ไปถืงฉับไว อยู่ที่ใจวูบเดียว







การบำเพ็ญ

มิใช่ทำก้นสามวันห้าวัน สามปีห้าปี

แต่เป็นเรื่องชั่วชีวิต

จึงอย่าได้สอบตก

เพราะคำพูดของใครเพียงคำเดียว

จะหลีกเลี่ยงคำพูดของคนอื่นที่ทำให้เจ้าลอบตก ได้อย่างไร

นอกจากศรัทธาความมั่นคงแล้ว

ยังต้องเสริมสร้างศักยภาพภายในใจ

มิให้หวั่นไหว







ใช้ความประณีตสุขุมไว้คุ้มตน

ข้อสำคัญในการศึกษาบำเพ็ญคือ

ศรัทธา เคารพ

"ศรัทธา" คือคัดความลังเลสงสัย

"เคารพ" คือรู้จริยะ

ธรรมะเป็นหลัก

หลักคือจริยะ





ฐานะระดิบอาจารย์นั่นนี่เป็นเพยงนามสมมติ

มีคุณธรรมไม่มีฐานะย้งอาจอยู่คู่ฟ้าดิน

มีฐานะแต่ไม่มีคุณธรรมยากจะตลอดรอดฝัง

แม้ปฏิบ้ติไปชั่วชีวิตก็สูญเปล่า









ศิษย์ทั้งหลายจำไว้ให้ดี :

หากใครยกตนว่าเป็นพระบรรพจารย์

พระธรรมาจารย์ ฯลฯ

ใช้คำหวานหว่านล้อมกล่อมใจ

อย่าได้หลงเชื่อ

ทุกอย่างให้ขึ่เนอยู่กับความซื่อลัตย์ภักดี

ที่เจ้าพึงมีต่อผู้อาวุโสของเจ้า

ต่ออาณาจักรธรรม

ต่อชาวโลก

อ้นเป็นทิศทางที่เจ้าต้องมุ่งไป







จำไว้:

ปีนเขาอย่าไต้หันกลับไปมอง

หนทางบำเพ็ญก็เช่นกัน

หันรีหันขวางไม่มุ่งมั่นตรงไป

จะหงายหลังนะศิษย์เอ๋ย



แต่โบราณมา

วิถีอนุตตรธรรมมีบรรพจารย์สิบต่อมา

มิเคยขาดสาย

ผู้มีธรรมย่อมเข้าถึง

ใครใจว่างก็รับได้ไป

เมี่อพระวิสุทธิอาจารย์เปีดจุดญาณทวารให้

และผู้นั้นได้กำสัดจิตฟ้งซ่านให้หมดไป

สำรวมใจอยู่ในคุณธรรมฟ้า

ที่จิตญาณตนได้รับมา

สร้างคุณแก่มนุษยชาติ

ประกาศสัจธรรมแทนเบื้องบน

เช่นนึ้

สายทองก็เๆ!อมโยงถีงกิน

แต่หากตัณหาภายในไม่ซ่าระ

กระทำการเห็นแก่ตัว

เช่นนึ้

แม้อย่ร่วมกิ'บพระอาจารย์ก็ยังมีได้สายทอง







สุดท้ายแล้ว สุดท้ายแล้ว

ถีงโอกาสสุดท้ายแล้ว

ควรจะขอรับไดิกได้ขอรับแล้ว

ควร'จะปฏิบ้ติก็กำลังปฏิบ้ติก้น

บ้ดนึ้ เป็นเวลาที่ควรจะเก็บงานแล้ว

เก็บงานและรักษาไว้ให้สำเร็จ

เก็บงาน คือเก็บจิตญาณกลมใสของทุกคน

รักษา คือรักษาตนไว้ให้สำเร็จ

จึงต้องสำรวมตนเที่ยงตรง

เวลานึ้ไม่ต้อง'ให้ใครมาผลักดันอีก

ไม่ต้องให้ใครมานำพาฉุดช่วยอีก

จะต้องสำนึกรู้เอง เปีดปัญญานำพาตนเอง









จิตญาณของตน ตนจะต้องเป็นผู้ฉุดช่วย

จึงจะไปได้ถีงที่สุด

ขอรับวิถีธรรม

บำเพ็ญ ปฏิบ้ติ ศึกษากันมานานเท่านี้แล้ว

รสชาติต่าง ๆ ที่ไต้รับผ่านมา

ทุกหยาดที่หยดลงบนหัวใจ

มีทั้งดี ร้าย หวาน ขม เพียงแต่จำไว้ว่า

อาจารย์ไม่เคยไปจากเจ้าแม้แต่ก้าวเดียว







ศิษย์ทั้งหลายรู้ชัดหรือยัง

เห็นจุดประสงค์สุดท้ายหรือยัง

คลำหารากฐานของตัวเองแล้วหรือยัง

เป็นเวลาสุดท้ายแล้ว เวไนยสัตว์ทนวาระสุดท้าย

จะผิดทำนองคลองธรรมอีกไม่ได้

จะเลื่อนลอยหลงใหลอีกไม่ได้

มิฉะนั้น

นิ้วหนึ่งจากพระวิสุทธิอาจารย์

ที่ประทานให้ก็ไร้ผล

วิถีธรรมที่ได้รับ

งานธรรมที่ได้ปฏิบัติมาก็จะเสียเปล่า







ในเมื่อเข้าล่วิถีทางบำเพ็ญ ก็จะต้องเข้าใจ

ภาระหน้าที่ของอาจารย์คือ

ฉุดช่วยกล่อมเกลา

กระตุ้น ตักเตือนให้ตื่น............

ในเมื่อสืษย์กับอาจารย์

มีบุญนี้สัมพันธ์ต่อกันมา

อาจารย์ก็มีหน้าที่ร้บผิดชอบต่อภาระนี้

เวไนยสัตวํใด้อุดช่วยจนหมดแล้ว

อาจารย์จึงจะวางใจลงได้







วันใดที่สืษย์ยังไม่รู้แจ้งในสัจธรรม

ยังไม่ถึงที่สุดแห่งการหลุดพ้น

ถึงวันนั้น

อาจารย์ก็ยังวางใจลงไม่ได้

ทุกคนให้ติดตาม

อิ๋นเปาชือ เตี่ยนฉวนซือ

เฉียนเหยิน เหล่าเฉียนเหยิน ของตน

เป็นสายทองเดียว

ร่วมปฏิบัติบำเพ็ญ

อดทนดำเนินงานมหาอาณาจักรธรรม

ให้พระพทธะผุดขึ้นมาจากทะเลทกข์







โลกพระศรีอาริย์ร่วมสร้างจาก

ความพร้อมใจของทุกคน

ให้กำลังทรัพย์ กำลังกาย กำลังใจและปัญญา

ทุ่มเทสำแดงแรงใจกันให้ถึงที่สุด

จุดมุ่งหมายสุดท้าย ก็เพื่อให้ทุกคนเข้าใจ รู้แจ้ง

ระหว่างทางที่บำเพ็ญ

หากในใจยึดมั่นต่อบุญกุศล นาม รูป

ซึ่งเท่ากับออกนอกวิถีธรรมพ้นไปจากธรรมะ

ไม่ใช่จุดประสงค์เดิมทีที่อาจารย์ถ่ายทอด

อาจารย์เองจะอาค์ยรูปหรือไร้รูป

ก็อยู่ร่วมกับสืษย์ทุกขณะ

เกรงแต่สืษย์เอง ในขณะปฏิบ้ติธรรม

จะพันธนาการตัวเอง ร้อยรัดตัวเอง

จำไว้ให้ดี จะต้องยิ่งทำยิ่งเบิกบาน

ยิ่งทำยิ่งเจริญธรรม แต่ไม่ใช่ถูกผูกม้ดอัดอั้น







เหล่าเฉียนเหยิน เฉียนเหยิน

อายุมากขึ้นทุกวัน

อาจารย์ก็ไม่มีกายสังขาร

ไม่อาจใกล้ชิดพวกเจ้าตลอดเวลา

โชคดีที่เบื้องบนทรงโปรด

ทุกต้นไม้ใบหญ้า จะหยุดนิ่งเคลื่อนไหวอย่างไร

ล้วนแสดงปริศนาธรรม

ให้เจ้าทั้งหลายได้พิจารณาสัมผัสรับรู้

แต่หากไม่ตั้งใจ ก็เสืยดายพระทัยฟ้า

เสืยดายที่ลื่งด้กดิ้สิทธิ'ทั้งหลายไต้อุตส่าห์

ประทานปรากฎการณ์แสดงความนัย

การปฎิปติบำเพ็ญต่างคนต่างมีเหตุปัจจัยหนุนนำ

ไม่ว่าจะคล่องหรือขัด

ล้วนเป็นโอกาสดีที่จะเสริมสร้างตนเอง

จะต้องริบจับโอกาสนั้นไว้ให้มั่น







ที่อาจารย์แบกรับไว้

เป็นภาระหาบหนัก

จากพวกเจ้าและบรรพบุรุษของพวกเจ้า

เพื่อการนี้

อาจารย์จึงต้องโปรดสัตว์ตามเหตุปัจจัย

ห่างโลกโลกียํใปนาน

ที่อาจารย์ปรากฏให้เห็นนี่

ก็เป็นเพียงกายสังขารของร่างพรหมจารี

สิงที่จะถ่ายทอดเปิดใจให้ได้คิดกัน

ก็จะต้องแสดงธรรมให้

ตามเหตุปัจจัยแห่งบุญของแต่ละคน

หากบุญวาระนั้นยังมาไม่ถึง

แม้อาจารย์จะพูดว่าอย่างไร

สิงศักดิ้สิทธิทั้งหลาย

จะแพร่งพรายความลับฟ้าได้อย่างไร

หากเจ้าไม่สัมผัสชาบซึ้งก็ปวยการ







ในยุคสุดท้ายนี้

เวไนยสัตว์ที่ผิดทำนองคลองธรรม

จะต้องเข้าส่หนทางตรง

จะต้องบำเพ็ญด้วยต้วของตัวเอง

จะต้องสำนึกรู้ด้วยตัวของตัวเอง

แต่มิ'ใช่เอาแต่ยดสืลข้อห้ามเป็นครู

บัดนี้ จะต้องเอาจิตที่สำนึกรู้เป็นครู

จะต้องสำนึกรู้ในพุทธภาวะของตน

สำนึกรู้ในญาณภาวะของตน

การฉุดช่วยนำพาเวไนยสัตว์

เป็นเรื่องรู้เรารู้เขา และให้เขาไต้รู้เขาเอง

ทุก ๆ คนเอาจิตสำนึกรู้เป็นครู (รู้สำนึก รู้ตื่น)

จึงจะฝ่าฟันให้หลุดพ้นจาก

เครื่องพันธนาการทุกอย่างรอบตัวได้





ธรรมปฏิบัติทั่วไป

มีไว้เพื่อสะดวกต่อการรองรับเวไนยสัตว์





ศิษย์ทั้งหลาย:

การจะเสริมส่งตนเอง

หากยังจะต้องอาดัยข้อกำหนดพุทธระเบียบ

อาศัยศีลวัตรมาควบคุมจำก้ดพฤติกรรมของ ตน อยู่อีกละก็

เจ้าก็ยังอยู่ในฐานะสืกษาแนวทางธรรมปฏิบัติ ทั่วไป

ยังศึกษาอยู่ในฐานะที่ถูกผลักดันชักจูง







ธรรมะยากเหลือเกิน

เบื้องบนได้โปรดฯ

ใช้ธรรมปฏิบ้ติทุกวิถีทางมาชักนำ

ให้คนทั้งหลายเปิดใจ

เมื่อใจที่เป็นพุทธะเปิดออก

สิงที่กระทำออกมาก็เป็นโพธิสัตว์ปฏิปทา

ปฏิปทาของพระโพธิสัตว์คือลืมต้วเอง

ในขณะที่ลืมต้วเองจนหมดสินนั้น

จึงจะสำนึกรู้

ในพุทธภาวะเราและพุทธภาวะเขา

อาจารย์ได้ชี้ให้เห็นชัด ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า

การอาสัยบุญวาระแสดงบุญญาธิการ

ก็เป็นธรรมปฏิบ้ติอีกอย่างหนึ่งเท่านั้น







เมื่อตัดสินใจ

ที่จะใช้ธรรมปฏิบตแนวไหนก็ตาม

พีงจำไว้ว่า

จะต้องเอามหากรุณาเป็นที่ตั้ง

มิฉะนั้น

จะผิดจากพุทธจิต (จิตเดิมแท้)

การศึกษาธรรมก็จะไร้คุณ

เมี่อจิตมหากรุณาท่วมท้น

ขณะนั้น สำเร็จคุณก็จะยึ่งใหญ่







"สำเร็จคุณ" "สำเร็จคุณ"

ฉันมีคืษย์รุ่นหลัง (โอ่วเสวีย) แล้วเท่าไร...

ฉันมีอาณาจักรธรรมใหญ่แล้ว แค่ไหน...

เหล่านี้ล้วนเป็นผลสำเร็จภายนอก

ษย์fนหลังมากแล้ว" 'อาณาจักรธรรมใหญ่แล้ว "

แต่ตัวเองกลับตกอยู่ในอัตตา

ยึดมั่นถือมั่นในธรรมปฎิบ้ติ ถ้าเช่นนั้น

คุณที่สำเร็จก็เล็กลงจิตญาณตนก็จมลงนรก

ฉะนั้น จงอย่าสืมสำเร็จคุณแก่จิตญาณตน

ด้วยธรรมปฏิบํติภายในจิต

จงย้อนมองสํองตนทุกขณะ

ส่องให้สำนึกรู้จิตญาณตนในระหว่างปฎิบัติธรรม

จึงจะช่วยตนให้วิริยะได้

ขอบพระคุณได้ไม่ขาด จึงจะถืงที่สุด

หากจิตญาณตนยังไม่สำนึกรู้แล้ว

เมื่อไรจะรู้ได้ในผู้อึ่นและช่วยให้ผู้อื่นสำนึกรู้







สิบ แปดหน่วยธรรมทีแยกกันปกครอง

เป็นอนุตตรธรรมเดียวกัน

มิให้แบ่งเขา-เรา

เป็นวิถีธรรมจากฟ้าด้วยกัน

วิถีธรรมไม่แบ่งแยกคนแบ่งแยกกันไปเอง

ต่างทำผิดกันในข้อนี้

พุทธระเบียบจะต้องรักษา

แตกให้เหมาะกาละเทศะ

อย่าผูกขาดตัวเองไว้กับที่

อย่ากันกั้นพุทธบุตรหญิงชายอื่น ๆ ออกไป

ด้วยเหตุว่าเขาต่างหน่วยต่างลายกับตน

ถ้าอย่างนี้นจะไม่ใช่วิถีธรรม







ทุกคนเหมือนพี่เหมือนน้อง

ธรรมนาวาจะออกจากฝังแล้ว

เป็นเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของ

ความเป็นความตาย

ถึงตอนนึ้แล้ว

ทกคนยังจะแบ่งแยกอย่อีกหรีอ









ศิษย์เอ๋ย:

เจ้ารู้ไหม

ผู้บำเพ็ญหากมีแต่บุญทานภายนอก

ไม่มีกุศลคุณงามภายใน

ต่อไปจะเป็นอย่างไร

ปลูกถั่วก็ได้ถั่ว ปลูกแตงย่อมได้แตง

เป็นสัจธรรมแต่โบราณมา

ถ้าเช่นนั้น

ยังจะต้องขึ้นไปบำเพ็ญต่อบนสวรรค์

บำเพ็ญจิตญาณบนสวรรค์

ลำบากกว่าบำเพ็ญในโลกมนุษย์นี้มาก

หากบำเพ็ญให้สำเร็จไม่ได้

ก็ต้องตกลงมาเกิดกายบำเพ็ญใหม่ในโลก

หรือได้แต่กินบุญวาสนาจนจบสินหมดไป







ที่อาจารย์ถ่ายทอดแก่เจ้าทั้งหลายคีอ

"ไตรรัตน์วิถีแห่งจิต

เพี่อนำคนเข้าสู่กระแสธรรมรู้แจ้ง"

ที่อาจารย์ให้การอบรมคีอ

"ที่สุดแห่งนลักสัจธรรม

เพี่อนำคนให้เข้าสู่อริยภาวะ"

ที่อาจารย์ห้ามปรามป้องกันคีอ

"ไสยศาสตร์รูปลักษณ์ปฏิบัติภาวนา

ที่นำให้คนเข้าไปในบ่วงมาร"

ที่อาจารย์ต้องกำจัดตัดขาดคีอ

"เวทมนต์คาถาวาจาลวงล่อ

ที่นำคนไปส่ความหลงใหล"









ฉะนั้น

ผู้บำเพ็ญจึงต้อง

มีมันสมองที่มีปัญญา

เพี่อรู้จักจำแนกจริงเท็จ

มีจิตเมตตาเป็นธรรม

รับความดีงามจากผู้กล้บใจ

มีริเวิดริ!วาความกล้า

ฉุดช่วยนำพาคนหลงทั้งหลาย







มิจฉาปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมภายนอก

จะเฟืองฟูอยู่ได้ไม่นาน

พึงจำเริญบำเพ็ญด้วยการ

เจริญรอยตามปฏิปทาของพระศาสดาทั้งห้า

จึงจะเป็นสัมมาปฏิบัติที่ถูกต้อง







จริยพุทธระเบียบ

แม้จะเป็นข้อเจาะจงบังคับ

แต่ก็เป็นการแกะสลัก

เป็นการบรรจงสร้างผู้บำเพ็ญ







วิถีอนุตดรธรรม

ที่เบึ้องบนได้โปรดประทานเฉพาะกาลครั้งนี้

สูงส่งล้ำายิ่ง

ปีแล้วปีเล่าผ่านไป

เกรงแต่ว่า

วันพรุ่งนี้เมี่อดวงอาทิตย์ตกลับขอบฟ้า

วิถีธรรมก็จะถีงกาลนิพพาน

ไม่มีลู่ทางจะเรียนรูได้อีก

เมี่อนั้น

แม้เจ้าจะมีเงินทองเหลีอคณานับ

ก็มีอาจซื้อโอกาสนี้กลับมาได้









อาจารย์แบกรับภาระหนักโปรดฯ สามโลก

ศิษย์ของอาจารย์มากมายหลายพันหมึ่น

แต่ในจำนวนร้อยล้านพันล้านนั้น

ทุกคนมีเหตุปัจจัยแห่งบุญต่างกันมา

มีเวรกรรมติดตามต่างกันมา



ศิษย์เอ๋ย : เจ้าจะต้องรูไว้นะ

วันแรกที่เจ้าก้าวสู่พุทธสถานตำหนักพระ

อาจารย์ก็จะต้องพูดจา

ตกลงก้บเจ้ากรรมนายเวรของเจ้าไว้ก่อน รับรองประก้นต้วเจ้าก้บ เขาไว้ก่อน จิงหวังว่าสิษย์เจ้า เมี่อเข้าใจในสัจธรรมแล้ว จงสร้างบุญกุศลต่อไปให้ดี จะต้องรู้ว่า ที่ก้าวเข้าสู่ประตูพุทธะมาไต้ ก็ด้วยอาศัยปณิธานใหญ่สิบข้อ หากเจ้าไม่ตั้งมหาปณิธานนั้น แล้วเจ้าหวังจะได้หนึ่งนิ้วจุดเบิกญาณ ทวารจาก

พระวิสุทธิอาจารย์

ก็จะยากยึ่งกว่าปีนบันไดสวรรค์เสิยอีก







เป็นเจ้าตำหนักพระ (ถันจู่)

หากจิตใจไม่มั่นคง

ใครยุยงก็เปลี่ยนทิศทางตำหนักพระ

อย่างนี้ไม่ได้

เพราะสายทองก็คือสายทองสายเดียว

เจ้าเปลี่ยนแปลงสายทองเสียใหม่

ที่นี่ก็ไม่มีสายทองต่อไป

เจ้ารู้ได้ในจุดนี้ก็ดีแล้ว

อย่าเปลี่ยนจุดหมายมุ่งมั่น

แม้จัดตั้งตำหนักพระนี้แล้ว

จะเกิดเหตุผันผวนอย่างไรต่อครอบครัว

ทุกอย่างล้วนเป็นการสะเดาะเคราะห์

ลบล้างหนี้เวรกรรม









เจ้าจัดการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งตำหนัก พระเสีย'ใหม่

แม้จะได้ความสุขสบาย

แต่ภายหน้าเจ้าจะกลับสวรรค์ชั้นอนุตดระ

ไม่ได้

หวังว่าเจ้าจะกลับใจเสิยใหม่

นี่เป็นนัยสวรรค์อ้นแยบยล

อาจารย์ไม่อยากพดมากไป





จะบรรลุความเป็นอริยปราชญ์

จะต้องย้อนมองส่องตนให้กระจ่าง

ศักยภาพของคน

อยู่ที่ปัญญาวิเศษแยบยลอันมิอาจประมาณ

เพียงแต่เจ้าอยากจะฉุดช่วยคน

เจ้าก็จะเกิดปัญญาอันวิเศษแยบยลนั้น





ขอให้ศิษย์:

ใช้นัยน์ตาปัญญา ให้เห็นในสัจธรรม

ใช้ฝีมือแคล่วคล่อง สรางสมบุญกุศลคุณงาม

ใช้สมองปราดเปรึ่อง ประเทืองงานธรรม

ปากสะอาดจงปราศจากมิจฉาวาจา

หูสะอาดจงปราศจากเสิยงอัปมงคล







โลกโลกีย์ย้อมเจ้าจนหลากสี

สถานธรรมจะชำระเจ้า

ให้ละอาดสดใสได้ในที่สุด





ได้ รับวิถีธรรมแต่ไม่รู้จักบำเพ็ญคือ ศิษย์หลง

บำเพ็ญแต่ขัดต่อวิถีธรรมคือ ศิษย์เนรคุณ

บำเพ็ญและตื่นใจได้สำนึกคือ ศิษย์รัก





ผลไม้ ทแก่1จัด อร่อยไหม ทำไมจึงอร่อย

แน่นอน เพราะผลไม้ที่แก่จัดนั้นหอมหวาน

ชาวสวนจะเก็บผลไม้ก็เลือกที่แก่จัด

การเก็บผลไม้ของเบื้องบน

ก็คือเก็บพวกเจ้านั่นเอง

ในงานชุมนุมพระอริยะ "หลงฮว๋า"

ผลไม้ที'เก็บก็คือผลไม้ที่แก่จัดแล้ว





ศิษย์เอ๋ย:

จะต้องให้ผลไม้ของเจ้ากลมสวยหอมหวานนะ

เบื้องบนจึงจะโปรดเลือกเก็บ

ผลไม้ที่แก่จัดเกิดจากคุณของ

แสงแดด นา ดินอุดม และปุย

อีกทั้ง ความรัก ความอดทน

ความเชื่อมั่น ความเอาใจใส่ของผ้บำรุง







ศิษย์เอ๋ย:

เจ้ากำลังทำหน้าที่ของชาวสวนผู้นั้นอยู่

เจ้าจึงต้อง

ศึกษาเรึ่อยไป

เสริมสร้างแก้ไขเรี่อยไป

อุทิศทุ่มเทให้เรี่อยไปผลที่ได้จึงจะสมบูรณ์

ดังคำที่ว่า

"เช็ดนาตาหว่านไถ

จะยิ้มได้เมึ่อเก็บเกี่ยว"

อย่าถามว่า

เบื้องบนจะโปรดประทานให้

มากน้อยอย่างไรเพียงไร

แต่ให้ถามตัวเองว่า

"เราได้เป็นผํให้แล้วเท่าไร"





คนเป็นสัตวํวิเศษกว่าสรรพสัตว์ใด ๆ ซึ่งพระแม่ องค์ธรรมได้โปรดบัญชาให้ทำหน้าที่นำพาและดูแล ๆเวิต ทั้งหลาย

แต่บัดนี้

หน้าที่นำพาที่คนควรทำมิได้สำเร็จการแต่กสับ ทำลายล้างไปทั่ว

เช่นนี้ จะไม่ให้พระแม่องค์ธรรมบันดาลพิโรธ ภัยได้อย่างไร

เมื่อสังสมความชั่วร้ายมาก ๆ เข้า คนจึงกลาย เป็นผี ผีกิกสับเป็นคน แล้วกลับมาปองร้ายโต้ตอบอยู่ใน ครอบครัวเดียวกัน





ศิษย์เอ๋ย : เจ้าเข้าใจไหม

ลองสงบใจถามตัวเองดู

เรื่องนี้ เรานำจะไปเตือนสติ

นำจะฉุดยั้งใจทรามของผู้คนกันไหม





บำเพ็ญให้เรมต้นจากพื้นฐานของความเมตตา

ความเป็นอยู่ส่วนต้วจึงต้องเรียบง่าย

ทุกย่างก้าวจึงต้องมีคุณค่า

จะต้องฉุดช่วยนำพาผู้คนเป็นอันดับแรก

จากวันนี้เป็นต้นไป

หวังว่าศิษย์ทั้งหลายจะทำตนเป็นบรรทัดฐาน

งานที่เราทำเป็นงานเกี่ยวกับสรรพชีวิต

เราทั้งหลายล้วนมีใจเป็นเช่นโพธิสัตว์

หวังว่าเจ้าจะ

ปลูกฝังจิตโพธิสัตว์ให้เจรีญอย่างแท้จริง

กินอยู่หลับนอนสวมใส่ ให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก'ใคร ๆ ได้

เข้าใจไหม?





จิตมุ่งหมายให้สูงส่ง แต่วัตถุนิยมให้เบาบาง

ด้านนี้ยาวด้านโน้นก็จะสัน

อย่าคิดว่าจะเอาดีได้ทั้งสองทาง

จะต้องรู้อะไรควรหนักควรเบา

ถ้าไม่เชื่อ

เจ้าก็ลองมองดูพุทธาทั้งหลายในอดีต

ที่บูชากันอยู่ตามศาลเจ้าวัดวาอาราม

มีพระองค์ใดที่มือช้ายประคองภรรยา

มือขวาอุ้มลูกไว้ แล้วได้รับการเชิดชูบูชา

ทุกพระองค์ล้วนแต่บริสุทธิ้ สมถะ ยากจน ลำบากมาทั้งนั้น ชั่วพระชนม์ชีพแม้จะเพียบพร้อมมั่งมี ก็สละให้เป็นคุณแก่ไวไนยสัตว์ทั่วไป ไม่เก็บไว้เสพสุข สำหรับพระองค์เอง







ศิษย์เอ๋ย:

ท้าเจ้าไม่เชื่อก็ลองสืกษาชีวประว้ติของพระองค์ดู ก็จะรู้ว่าพระองค์บำเพ็ญเคี่ยวกรำมาอย่างไร

ไม่มีเลยที่จะจารึกประว้ติเสพสุขอลังการ โอฬาร รํ่ารวย

หวังว่าศิษย์ทั้งหลายก็จะท้าวไปทีละก้าว

ยืนให้มั่นคงเป็นเบื้องต้น ระวังอย่าให้ล้มลง

เรื่องเสพสุขพยายามลดน้อยที่สุด

เรื่องให้ร้ายเป็นภัยแก่สรรพชีวิตจงละให้สิ้น

ครั้งนี้

แม้เจ้าจะไม่อาจเสมอได้เช่นพระองค์ ที่ปก ป้องพระวรกายจากลมฝนด้วยพุทธรังสิห่อหุ้ม แทน พัสดราผ้าผ่อน

แต่อย่างน้อยที่สุด

ขอให้เจ้าจงอย่าห่มกายด้วยขนหนังเดรัจฉาน จะได้ไหม?





ยุคสาม กัปสุดท้าย

หมื่นศาสนาพากันก่อเกิด

เราล่องเรือธรรม

ก้าวขึ้นเรือธรรม

จะต้องยืนยันต่อตนเองว่า

ไสยศาสตร์อภินิหาริยใด ๆ จะทำให้เรา หลงทางไม่ได้

นอกลู่แนวทางใด ๆ จะทำให้เรากระโดดลง จากเริอไม่ได้



บำเพ็ญตามวิถีธรรม

จำต้องเคารพปฏิบัติตามบัญชาพระอาจารย์

แม้ยังมิได้บัญชา จะมิกล้าล้ำหน้า

เมื่อได้บัญชาจะมิกล้าล้าหล้ง

เมี่อมิบัญชาจะมิกล้าฝ่าฝืน

แม้มิได้บัญชาจะมิกล้าทำพลการ

แต่ก็จะต้องพิจารณาว่าเป็นเรื่องอะไร

หากเป็นเรื่องสงเคราะห์ฉุดช่วยชาวโลก

เป็นเรื่องเมตตามโนธรรมคุณงามฯ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

จอมปราชญ์ศาสดาจารย'ขงจื้อกล่าวไว้ว่า

"การใดอันเป็นไปด้วยเมตตา คุณธรรม มิพึงสละเลี่ยงแก่ครูอาจารย์"







"ดร.ชุนยัดเซ็น" บิดาแห่งประเทศจีน

ส่งเสริมให้ทุกคนจงเป็นมหาบุรุษ

จงทำงานใหญ่

เมื่อไรที่ความคิดของเจ้าเมื่อเกิดขึ้น

วาจาของเจ้าเมื่อออกจากปาก พ

ฤติกรรมของเจ้าเมื่อแสดงการ

ล้วนเป็นไปเพื่อให้เกิดคุณแก่คนทั้งหลาย

ขณะนั้น

เจ้าก็คือมหาบุรุษ และขณะนั้น

เจ้ากำลังทำงานใหญ่



ฌานสมาธิพึง เข้าถึงได้ ในโลกียภาวะ

วิถีพุทธะ พึงสำเร็จได้ ในโลกมนุษย์

ให้เห็นสัจธรรม ในพิธีกรรม และนามรูป

เมื่อจิตวิสุทธิ์ ผ้าครอง ไม่ต้องมี





ศิษย์เอ๋ย:

เจ้าจงปรารถนาตน

ให้เจริญคุณงามอย่างอริยปราชญ์

แต่อย่าได้มุ่งหวังอริยฐานะเยี่ยงพระองค์





ท่ามกลางฟ้าดินกว้างใหญ่

เจ้าอย่าส่าค้ญตนผิดว่าสูงส่งยิ่งยงนัก

เวลาที่เจ้าจะอหังการได้ มีจำกัด

เมี่อครบกำหนดแล้ว

เจ้าจะต้องไปรับบทบาทอะไรต่อไปใครจะรู้





เหนือศีรษะสามศอกมีพุทธะเทพยดาอยู่ทั่วไป

ทำอะไรจึงให้สำรวมระวัง

โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในที่ลับตามลำพัง

นั่นคือ

ความละเอียดรอบคอบสุขุม

และความประณีตในการบำเพ็ญ







แม้ใจว่าง อย่างไม้ไผ่ ภายในกลวง

จะน้อมทรวง กว้างใหญ่ ไม่แข่งแย่ง

เหมือนต้นสน ดูผอมแก่ แต่ในแกร่ง

ไม่แสดง สีซึมเซา แม้หนาวเย็น



ทะเลรัก มักหลอก ละลอกรุก

ทะเลทุกข์ สุขสงบ หาพบไม่

แม้ไม่ยั้ง ชั่งจิต ติดคลื่นไป

หรือจะได้ หมายฝึ่ง ที่ตั้งใจ























ความตั้งใจเกิดขึ้นมากมาย

เหมือนขนวัวขนควาย

แต่ที่สำเร็จมรรคผลได้

เหลือไว้เพียงเขาวัวเขาควาย





แต่ก่อน:

คนจะคุกเข่าคลานเข้ามากราบขอวิถีกรรม

กราบขอหนทางหลุดพ้น

ยุคสุดท้ายนี้:
คนทั้งหลายถูกนำพามารับวิถีธรรม
ทั้งๆที่ต่างมีบาปเวรติดตัวกันมาเหลือคณานับ
พระพุทธะจะสลัดชะตาชีวิตทิ้งไป
ผู้บำเพ็ญจริงจะไม่พยากรณ์ชีวิต
แต่จะยอมรับชะตาชีวิต
จีงรู้จิตความเป็นมา
จิงกำหนดชะตาความเป็นไป
ชีวิตของผู้บำเพ็ญ
จึงไม่ขึ้นอย่กํบคำทำนาย

No comments:

Post a Comment