:: สาเหตุที่ตรัสชาดก ::
.......มีชาวบ้านนอกคนหนึ่ง ไปขอสาวในเมืองให้ลูกชายพร้อมกำหนดวันแต่งงานไว้แล้ว ครั้นถึงกำหนดได้ไปสอบถามฤกษ์จากอาชีวก ว่าดีหรือไ่ม่ อาชีวกโกรธที่เขาไม่มาปรึกษาก่อน จึงบอกว่าวันนี้ฤกษ์ไม่ดี จะทำให้เกิดความพินาศ ชาวบ้านนอกหลงเชื่อจึงไม่ไปรับเจ้าสาวในวันนั้น ทำให้ฝ่ายเ้จ้าสาวเสียหน้า แล้วได้ยกลูกสาวให้คนอื่นไป
วันรุ่งขึ้น เมื่อฝ่ายเจ้าบ่าวไปถึงบ้านเจ้าสาวจึงทะเลาะกัน ด้วยเหตุที่อาชีวกเป็นผู้ทำลายงานมงคล เรื่องนี้รู้กันไปทั่วจนถึงภิกษุในวัดเชตวัน และนำมาสนทนากันในธรรมสภา เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมา และทรงสอบถาม เมื่อทรงทราบเรื่องแล้ว จึงทรงระลึกชาติ ิด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณ แล้วพระพุทธองค์ทรงนำ นักขัตตชาดก มาตรัสดังนี้
ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัต
ครองกรุงพาราณสี คหบดีชาวพระนคร
ผู้หนึ่ง มีความพอใจหญิงสาวชาวชนบท นางหนึ่ง จึงไปตกลงสู่ขอนางให้บุตรชายของตน
หลังจากกำหนดวันมารับตัวเจ้าสาวเป็นที่เรียบร้อย ต่างฝ่ายก็เตรียมจัดงาน ทั้งตระเตรียมอาหารเลี้ยงแขกที่จะมาร่วมงาน
คหบดีจึงรีบไปกราบอาชีวกผู้หนึ่ง ซึ่งตนสนิทสนมคุ้ยเคยกันอย่างดี เรื่องที่ตนจะไป
สู่ขอหญิงชาวชนบทมาให้ลูกชายพร้อมกับถามถึงฤกษ์ยาม
แต่อาชีวกผู้นี้ มีความขุ่นเคืองใจเป็นทุนอยู่ ที่คหบดีไม่มา ปรึกษาตนตั้งแต่ทีแรก
ครั้นถึงกำหนดวันนัดหมาย ฝ่ายทางบ้านของเจ้าสาว เฝ้ารอขบวนขันหมากทั้งวัน เมื่อไม่เห็นฝ่ายเจ้าบ่าว มาตามที่นัดไว้ จึงรู้สึกเสียหน้าและแค้นเคืองใจยิ่งนัก บิดาของนางจึงบอกยกนางให้กับชายหนุ่ม ลูกของเพื่อนบ้านไป
ครั้นวันรุ่งขึ้น ขบวนขันหมากของฝ่ายเจ้าบ่าวยกมาถึงและถามหาเจ้าสาว จึงถูกชี้หน้าต่อว่า
ฝ่ายเจ้าบ่าวได้พยายาม
เจรจาอธิบายถึงสาเหตุที่ไม่ได้มาตามกำหนดวันนัดหมายแต่ฝ่ายเจ้าสาวได้แสดงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
แม้ฝ่ายเจ้าบ่าวพยายามขอร้องแต่ก็ไม่เป็นผลโดยฝ่ายเจ้าสาวถือว่าอีกฝ่ายผิดนัด
ทั้งสองฝ่ายโต้เถียงกันไปมาจนเกิดเป็นเรื่องราวทะเลาะกันบังเอิญบัณฑิตชาวเมืองคนหนึ่ง
ไปทำกิจธุระในละแวกนั้น ได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น
จึงกล่าวเป็นคาถาว่า
ประโยชน์ผ่านพ้นคนโง่ ผู้มัวคอยฤกษ์อยู่
ประโยชน์เป็นฤกษ์ของประโยชน์ ดวงดาวจักทำอะไรได้
เมื่อขบวนของฝ่ายชายไม่ได้เจ้าสาว ซ้ำยังเสียไมตรีกับครอบครัวของฝ่ายหญิงอีกด้วย จึงได้แต่เดินทางกลับไปด้วยความผิดหวัง
------------------------------------------------
:: ข้อคิดจากชาดก ::
- การประกอบกิจการงานใด ควรคำนึงถึงเหตุผล ประโยชน์ความเหมาะสม และกาลเวลาที่สมควร ไม่ควรถือฤกษ์ยาม เพราะเมื่อใดที่เราคิดดี พูดดี ทำดี เมื่อนั้น ฤกษ์งามยามดีก็มีอยู่ในตัวเราเอง
- คนพาล มักคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว เป็นปรกติ และพอใจที่จะเห็นความพินาศฉิบหาย ของผู้อื่น
- ผู้มีปัญญา เมื่อเห็นประโยชน์แล้ว ย่อมไม่ผัดวันประกันพรุ่งเป็นอันขาด ต้องรีบทำประโยชน์นั้นให้สำเร็จ เพราะประโยชน์เป็นฤกษ์ ของประโยชน์เอง
No comments:
Post a Comment