"เหนื่อยกับการที่ต้องเป็นคน Perfectionist หรือเปล่า ทำทุกอย่างต้อง Perfect"
ก่อนอื่นเราคงต้องมาสำรวจกันดูก่อนว่า รูปแบบในการทำงานของคนทัวไปนนเป็น อย่างไร การทำงานของคนเรานั้น เมื่อกล่าวอย่างรวบรัดแล้วก็สามารถแบ่งได้เป็น ๓ รูปแบบด้วยกัน
(๑) ทำงานด้วยความจำใจ
(๒) ทำงานด้วยความจำเป็น
(๓) ทำงานด้วยความจำหลัก
๑. ทำงานด้วยความจำใจ หมายถึง คนทเติบโตขึนมาในครอบครัวทพ่อแม่มีธุรกิจ หลักของครอบครัวอยู่แล้ว ไม่ว่าลูกจะชอบหรือไม่ชอบ รักหรือไม่รัก แต่เมื่อถึงเวลาทำงานก็ต้องรับภาระหน้าที่
ในการสืบทอดธุรกิจของครอบครัวต่อไปการทำงานในลักษณะนีสำหรับ บางคนในช่วงแรกอาจเป็นความทุกข ์ความอึดอัดขัดข้อง เกิดความรู้สึกเหมือนได้แต่งงานกับ คนที่ตนไม่รัก แต่ก็ไม่มีทางเลือกอนทดีกว่านีแต่เมอทำไปจนกลายเป็นส่วนหนงของชีวิตแล้ว ในที่สุดก็จะสามารถยอมรับสภาพของตนเองได้ส่วนคนที่ยอมรับสภาพไม่ได้ยังทำงาน คุณภาพชีวิตยิ่งลดลง งานได้ผล แต่คนอาจไม่มีความสุข
๒. ทำงานด้วยความจำเป็น หมายถึง คนที่ได้ทำงานที่ตนไม่รัก ไม่ชอบ ไม่ถนัด ที่แย่ยงกว่านนก็คือ บางทีค่าตอบแทนก็แสนจะน้อย ความเครียด ความขัดแย้งในที่ทำงานก็สูง แต่เพราะมองไปทางไหนก็ไม่มีทางไปที่ดีกว่า ก็เลยต้องจำใจก้มหน้าทำงานนั้นๆ ไป ยิ่งทำงาน คุณภาพชีวิตยิ่งหดหาย รายได้ตำ ความเครียดสูง การทำงานในลักษณะที่สองนีคือ สภาพของคนทำงาน ส่วนใหญ่ในโลกนี้ ซึ่งโดยมาก ได้งานทำเพราะสภาพเศรษฐกิจและ สังคมบีบบังคับให้ต้องเลือกทำอะไรสักอย่างหนึ่ง เพราะหากไม่ยอมทำงาน ก็หมายความว่า ตัวเองและครอบครัวจะต้อง เดือดร้อน กินไม่อิ่ม นอนไม่อุ่น
๓. ทำงานด้วยความจำหลัก หมาย ถึง คนที่ได้ทำงานในสงทตนรัก หรือได้ทำงานที่สอดคล้องกับความใฝ่ฝัน ความ ถนัดของตนเอง เช่น อยากเป็นหมอ ก็ได้เป็นสมใจอยาก อยากเป็นนักธุรกิจ อยากเป็นนักการเมือง อยากเป็นนักหนังสือพิมพ ์อยากเป็นดารา ฯลฯ ล้วนแล้วแต่ได้ทำงานตามที่ตนต้องการสมใจอยาก
การทำงานในลักษณะที่สามนี้สิ่งที่จะได้รับอย่างเห็นได้ชัดก็คือ
๑) งานก็ได้ผล
๒) คนก็เป็นสุข
แต่ในโลกนี้มีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่ได้ทำงานตรงกับที่ตนปรารถนา ใครได้ทำงาน ตามที่ตัวเองใฝ่ฝัน คนๆ นั้น ก็เหมือนกับได้แต่งงานกับคนที่ตนรัก ยิ่งทำงาน ยิ่งมีความสุข ยิ่ง ทำงาน ยิ่งค้นพบความเป็นเลิศ ยิ่งทำงาน ยิ่งสามารถสร้างสรรค ์“ของชิ้นเอก” ฝาก ไว้ให้โลก จดจำรำลึกถึง เหมือนดาวินชีบรรจงรังสรรค์ภาพโมนาลิซ่าอันลือชอ เหมือนบีโธเฟ่น สามารถรังสรรค์ดุริยกวีเอาไว้ขับกล่อมชาวโลก เหมือนเช็คสเปียร์นฤมิตวรรณกรรมอมตะมากมายไว้ประโลมใจชาวโลกให้รื่นรมย์ ปราชญ์ท่านหนึ่งกล่าวว่า “เมื่อความรักในงาน มาพร้อมกับความสามารถ แน่นอนว่า ต้องได้งานชิ้นเอก”
อุปนิสัยการทำงานในแบบ Perfectionist (สมบูรณ์แบบนิยม) ในลักษณะ “เก็บทุกเม็ด” ราว กับมีรรพบุรุษเป็น “คุณย่าละเมียด คุณแม่ละไม คุณนายละเอียด” นั้น มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดี
ก็คือ จะทำให้เป็นคนทำงานคุณภาพชนิด “จำหลักไว้ในใจชน” (เข้า หลักเกณฑ์ที่ ๓) ไม่ว่าจะจับทำอะไรก็ตาม ก็จะทำให้ได้งานคุณภาพทั้งหมด และคนประเภทนีหลังจากสร้างงาน แล้ว งานจะย้อนกลับมาสร้างคน เหมือนผู้กำกับหนังชอก้องโลกอย่างจางอีโหมว หรือสตีเว่น สปีลเบิร์ก พลันที่ปล่อยงานชิ้นหนึ่งหลุดมือออกไปสู่สาธารณชนแล้ว งานก็ได้สร้างชื่อเสียงให้เขามากมาย และทำให้เขาไม่เคยตกงานอีกเลยตลอดชีวิต
ข้อเสีย
ก็คือ จะทำให้เป็นคนที่แบกความเครียดสูง สุขภาพจิตเสื่อม สุขภาพกายอ่อนแอ ไม่มีเวลาให้กับตัวเอง ครอบครัว หรือสิ่งสุนทรีย์ในชีวิตเช่น การท่องเที่ยว การเดินทาง การชนชม ธรรมชาติการดูหนังฟังเพลง การอ่านหนังสือ หรือแม้แต่การคบเพื่อน หรือที่หนักหน่อยก็กลายเป็นคนที่ป่วยหนักหนาสาหัสเพราะการทำงาน
ทางแก้สำหรับคนสมบูรณ์แบบนิยม ก็คือ ควรถือ หลักของนักปฏิบัติธรรมที่ว่า “ทำเหตุให้มาก ปล่อยวาง ในผล” หมายความว่า เวลาทำงาน จงทำให้เต็มที่ ทำให้ดีที่สุด แต่เมื่อทำแล้ว ต้องปล่อยวางเป็น ไม่ต้อง คาดหวังสูงสุดจนนำเอางานเข้ามารวมกับลมหายใจ หรือเก็บไปฝัน จนไม่เป็นอันกินอันนอน เมื่อ ทำงานใน ส่วนของตนอย่างดีที่สุดแล้ว ครั้นส่งงานให้คนอื่น หรือ แผนกอื่นแล้ว หากงานนั้นไม่เป็นไปตามความคาดหวัง ก็ควรเรียนรู้ที่ ไม่มีใครได้ทุกอย่างดังใจหวัง และไม่มีใครจะยอมรับด้วยความเข้าใจว่า ในโลกนี้พลาดหวังทุกอย่างไป ถ้าเราทำในส่วนของเราอย่างดีที่สุดแล้ว แม้ผลออกมาจะไม่เป็นไปอย่าง ที่หวัง ก็ไม่ควรเสียใจ
ที่มา: สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี
No comments:
Post a Comment